เขียนโดย หวังซือเฉิง

ปี 2024 ไทยได้ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นปีนี้ รัฐบาลไทยได้เพิ่  มความพยายามในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจกับจีน และผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ปี 2025 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังได้รับการพัฒนาใหม่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) ได้มีการหารือกับมณฑลอันฮุยของจีนอย่างลุ่มลึก โดยมีเป้าหมายที่จะอัปเกรดบันทึกความเข้าใจ "สองประเทศสองนิคม" ซึ่งมีอยู่แล้ว เพื่อสร้างโอกาสการค้าและการลงทุนมากขึ้นให้กับนักธุรกิจทั้งสองฝ่าย นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายได้มีการกำหนดกรอบฉบับสุดท้ายของบันทึกความเข้าใจแล้ว และคาดว่าจะลงนามอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ ความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า และความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อผลักดันความร่วมมือที่ลึกซึ้งระหว่างสองประเทศภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative)

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กล่าวว่า หากความร่วมมือกับมณฑลอันฮุยประสบความสำเร็จ จะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากมณฑลอื่น ๆ ในประเทศจีนมายังประเทศไทยได้มากขึ้น นักลงทุนชาวจีนที่เข้ามายังนิคมอุตสาหกรรมไทยไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น แต่ยังสามารถช่วยให้บริษัทไทยขยายตลาดในประเทศจีนและกระชับความร่วมมือด้านการลงทุนซึ่งกันและกัน ต่อการนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมไทยกับ IEAT จะร่วมมือกันส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงพลังงานใหม่และความปลอดภัยด้านอาหาร และจะทำงานร่วมกับบริษัทจีนในการพัฒนาการฝึกอบรมบุคลากรและการสร้างระบบห่วงโซ่อุปทาน

ในการผลักดันเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค รัฐบาลไทยได้ทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงจากจีนอย่าง Guangzhou Automobile (GAC Group), BYD และ Huawei อย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทย กล่าวว่า ไทยมีที่ตั้งตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในการเชื่อมกับตลาดเอเชียและสามารถส่งออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ซึ่งกลุ่มบริษัท GAC และ BYD ได้ตั้งฐานการผลิตขึ้น จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ โครงการความร่วมมือของบริษัทหัวเว่ยในด้านเทคโนโลยี 5G, ปัญญาประดิษฐ์, หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีพลังงานสีเขียว ได้ให้การสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่สำคัญแก่ประเทศไทยในการพัฒนาสาธารณูปโภคดิจิทัล และการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

ช่วง 50 ปีตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง มูลค่าการลงทุนระหว่างสองประเทศสร้างสถิติสูงสุดใหม่อยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่ข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญของความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรแห่งประเทศจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยและจีนอยู่ที่ 148,880 ล้านหยวน เติบโตขึ้น 11.9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจีนส่งออก 100,310 ล้านหยวน เติบโตขึ้น 13.3% และนำเข้า 48,570 ล้านหยวน เติบโตขึ้น 9.1% จีนเป็นคู่ค้าทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยอย่างต่อเนื่องหลายปี และไทยเป็นคู่ค้าทางการค้าลำดับที่ 3 ของจีนในกลุ่มประเทศอาเซียน นักวิเคราะห์ในวงการเชื่อว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยกับจีนมีจุดแข็งที่สามารถเสริมกันได้ มองไปข้างหน้า โอกาสความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างสองประเทศกว้างใหญ่ไพศาล และอนาคตการพัฒนาที่ได้ชัยชนะร่วมกันนั้นสามารถคาดหวังได้

ความร่วมมือในโครงการ "สองประเทศสองนิคม" ระหว่างไทยกับจีนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาอันดีงามและความไว้วางใจอย่างสูงที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ย้ำว่า "ความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนมีโอกาสที่กว้างใหญ่ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และห่วงโซ่อุตสาหกรรม ในอนาคต ไทยจะพัฒนาความร่วมมือทางการค้ากับมณฑลต่าง ๆ ของจีนอย่างต่อเนื่อง และจะประสานเข้ากับกรอบความร่วมมือข้อริเริ่ม 'หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง' อย่างแข็งขัน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ"