(2ม.ย.68) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวความคืบหน้าการพัฒนาด้านสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพว่า การพัฒนาดังกล่าวจะสอดคล้องกับนโยบายอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานคร เช่น สวน 15 นาที BIKE SHARING (จักรยานสาธารณะ) และการจัดทำทางเดินเชื่อมโยงพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมด้านการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพของประชาชนด้วย เนื่องจาก การลงพื้นที่ตรวจสุขภาพประชาชนที่ผ่านมา กว่า 780,000 ราย พบประชาชนส่วนใหญ่ไขมันในเลือดสูง ร้อยละ 48.20 ไต ร้อยละ 12.42 และเบาหวาน ร้อยละ 12.35 ตามลำดับ

โดยภาพรวมมีน้ำหนักเกินในผู้ใหญ่ ร้อยละ 25.55 ในเด็ก ร้อยละ 21.65 กทม. จึงพัฒนาระบบการตรวจสุขภาพฟรีโดยการเปิด BKK Wellness Clinic ในโรงพยาบาลสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง และในศูนย์บริการสาธารณสุข เมื่อช่วงต้นปี 2568 โดยให้บริการนอกเวลาราชการ ถือเป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลรัฐมีการเปิด Wellness Clinic ปัจจุบันเปิดบริการ 25 แห่ง ตรวจสุขภาพไปแล้วกว่า 55,600 ครั้ง ซึ่งมีการเปิดบริการควบคู่กับ BKK Pride Clinic ทั้ง 31 แห่ง เพื่อบริการด้านสุขภาพแก่กลุ่มเพศหลากหลาย ปัจจุบันตรวจไปแล้วกว่า 45,000 ครั้ง

ด้านผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่อาจจะเข้าถึงบริการสุขภาพได้ยาก ซึ่งเป็นปัญหาที่รอการแก้ไข โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่า มีผู้สูงอายุเฉลี่ยร้อยละ 25 ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณร้อยละ 22-23 โดยเฉพาะพื้นที่เขตชั้นในของกรุงเทพฯ พบผู้สูงอายุร้อยละ 28-31 กทม. จึงส่งเสริมให้ผู้สูงอายุออกมาทำกิจกรรม โดยจัดตั้งชมรมไปแล้ว 489 ชมรมในทุกเขต ปัจจุบันมีสมาชิก 39,000 คน โดยในปี 2569 ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ร่วมกับอาสาสมัคร เน้นการดูแลผู้สูงอายุในมิติต่าง ๆ

ด้านคนพิการ ปัจจุบันจัดให้มีแพทย์ลงพื้นที่ถึงบ้าน สามารถระบุความพิการได้ เพื่อนำข้อมูลไปดำเนินการด้านสิทธิประโยชน์ของผู้พิการ ได้แก่ การออกบัตรผู้พิการ ดำเนินการแล้ว 23,300 ราย ลงทะเบียนรับเบี้ยผู้พิการผ่านระบบ BMA OSS แล้ว 3,800 ราย จัดรถบริการรับส่งแล้ว 870 ครั้ง โดยในปี 2568 สปสช. สนับสนุนให้โรงพยาบาลอื่นและมูลนิธิเส้นด้ายจัดรถรับส่งเช่นเดียวกับที่ กทม.ดำเนินการ

รศ.ทวิดา กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการพัฒนาด้านสาธารณสุข คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแพทย์และการดูแลสุขภาพได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม สามารถอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ เช่น บันทึกประวัติการดูแลสุขภาพ จองคิวพบแพทย์ล่วงหน้า เรียกรถฉุกเฉิน EMS ระบุพิกัด ปัจจุบันมีการ Telemedicine หรือการให้บริการด้านสาธารณสุขกับประชาชนโดยบุคลากรทางการแพทย์ผ่าน Video conference ไปแล้วกว่า 95,000 ครั้ง ขณะเดียวกัน ได้พัฒนาระบบโรงพยาบาลออนไลน์ (UMSC) โดยการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพ เวชศาสตร์เขตเมือง 80 แห่ง ในโรงพยาบาลสังกัด กทม. และศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนสามารถปรึกษาแพทย์ ขอข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ และนัดหมายแพทย์ ปัจจุบันให้บริการไปแล้วกว่า 1,000,000 ครั้ง

นอกจากนี้ ได้จัดตั้ง HealthTech ศูนย์เทคโนโลยีสุขภาพในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ศูนย์การค้า ตึกอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ รวมถึงภายในบริเวณของโรงพยาบาล ทำหน้าที่เหมือนศูนย์บริการสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลขนาดย่อม ให้บริการตรวจสุขภาพ พบแพทย์ออนไลน์ และเจาะเลือดล่วงหน้า เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 8 แห่ง มีผู้ใช้บริการ 92,000 ครั้ง

"จากการนำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมโยงกันทั้งหมด ในอนาคต กทม.ตั้งเป้าพัฒนาระบบ e-Referral ส่งตัวไร้รอยต่อ ลดการใช้เอกสาร เปลี่ยนไปใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสามารถส่งตัวได้ภายใน 15 นาที และสามารถไปที่โรงพยาบาลต่างสังกัดได้ ทำให้การส่งต่อมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงตั้งเป้าพัฒนามอเตอร์แลนซ์ หรือรถจักรยานยนต์สำหรับกู้ชีพฉุกเฉินทางการแพทย์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 100 คัน ใน 39 จุด ตั้งเป้าขยายจุดจอดอื่นนอกจากโรงพยาบาล เช่น สำนักงานเขต สถานีดับเพลิง เพื่อเข้าถึงผู้ป่วยได้เร็วขึ้น ปัจจุบันเข้าถึงผู้ป่วยเฉลี่ย 7 นาที น้อยสุด 4 นาทีมากสุด 13 นาที โดยตั้งเป้าเข้าถึงผู้ป่วยผู้ป่วยเฉลี่ย 8 นาที 100% ให้ได้ในปีนี้" รศ.ทวิดา กล่าว