สวนดุสิตโพล ชี้ดัชนีการเมืองดิ่ง สะท้อนคนไทย หมดหวัง-เบื่อหน่ายการเมือง ส่วน เท้ง คะแนนนำอิ๊งค์ ด้าน เพื่อไทยเมินผลโพล ชี้ผลสำรวจมีขึ้นมีลง มั่นใจ รบ. อยู่ครบเทอม ลุยเลือกตั้งปี 70 ขอบคุณสภาฯ ผ่านร่างงบฯ 69 ย้ำ ปรับครม.อยู่ที่นายกฯส่วนอนุสรณ์ ยัน ทักษิณ ยังห่างไกลปมครอบงำ เพื่อไทย เล็งยึด มท. คืน แค่ตอบสื่อไม่ใช่คำสั่ง ขณะที่นายกฯโชว์ภาพเซลฟี่ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซีย ร่วมเฟรม อนทุิน บอก ไม่ร้าวนะคะ ไม่ร้าว ส่วนเสี่ยเฮ้ง โชว์พลัง นัดก๊วนสส.รทสช. กินข้าวเที่ยงโรงแรมหรูกลางกรุง จับตาพาย้ายร่วมงานพรรคโอกาสใหม่ ด้าน เอกนัฎ ปลุกใจอย่าหวั่นไหวเลือดไหล รวมไทยฯ ยังไปได้ เลือกตั้งรอบหน้ามีพรรคอยู่
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.68 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568" กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,168 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2568 เฉลี่ย 4.70 คะแนน ลดลงจากเดือนเมษายน 2568 ที่ได้ 4.82 คะแนน
ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.29 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวมและการแก้ปัญหาความยากจน เท่ากัน 4.31 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 40.87 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 50.79 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เร่งแก้ปัญหาท่องเที่ยว ฟื้นฟูความเชื่อมั่น ร้อยละ 37.55 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบความไม่โปร่งใสของรัฐบาล ร้อยละ 48.62
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าคนไทยกำลัง "หมดหวัง" และ "เบื่อหน่าย" การเมืองไทยมากขึ้นทุกที ท่ามกลางกระแสข่าวฮั้ว สว. เสถียรภาพของพรรคร่วมระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทยไปจนถึงการอภิปรายงบประมาณปี 2569 ที่หลายฝ่ายสงสัยว่าคุ้มค่า โปร่งใส ตอบโจทย์ปากท้องประชาชนหรือไม่ ทำให้คะแนนดัชนีด้านการบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ การแก้ปัญหาต่างๆ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้คะแนนต่ำต่อเนื่องจนน่ากังวล
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลเริ่มลดลง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องมาจากนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้ อีกทั้งนโยบายและโครงการของรัฐบาลที่พยายามผลักดันออกมา ประชาชนยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคม การที่รัฐบาลพยายามกุมอำนาจทางการเมืองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยการเล่มเกมทางการเมือง
ในขณะเดียวกันก็มีความพยายามในการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้อยู่รอดจนครบเทอมนั้น ทำให้ผลงานการแก้ปัญหาของรัฐบาลไม่เป็นที่ประจักษ์และเข้าตาประชาชน ตรงกันข้ามกับฝ่ายค้านที่คะแนนนิยมโดยภาพรวมเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลกลับดูดีมากกว่า ด้วยผลงานการติดตาม ตรวจสอบ นโยบายและโครงการต่างๆของรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐให้สาธารณชนได้รับทราบ ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการสร้างคะแนนนิยมให้กระเตื้องมากขึ้น ต้องพยายามขับเคลื่อนนโยบายและโครงการที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม
ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดุสิตโพลเปิดเผยความนิยมความโดดเด่นของนักการเมืองฝ่ายค้านและรัฐบาล นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นอันดับหนึ่งของฝั่งรัฐบาล ส่วนฝ่ายค้านคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แต่คะแนนนำนายกฯ สะท้อนภาพอะไรหรือไม่ ว่า ความนิยมอาจเป็นไปได้ว่าประชาชนเป็นห่วงในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ ที่เผชิญทั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ วิกฤตสงคราม จึงเกิดความกังวลและเคลือบแคลงสงสัยว่ารัฐบาลนี้จะนำพาประเทศไปได้หรือไม่ เมื่องบประมาณปี 2569 ผ่านสภาแล้ว เรามีการชะลองบดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อนำเงิน 157,000 ล้าน มากระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อเม็ดเงินลงมากระจายตัวแล้วจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ความมั่นใจของ นายกฯ คงจะกลับมาอยู่ในใจประชาชน
เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองที่มีการสำรวจ ทุกไตรมาสมีขึ้นลงแบบนี้ทุกครั้ง เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าผลโพลจะออกมาอย่างไร นายกฯ จะทำงานหนักต่อไป และจะผลักดันนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลให้ประชาชน นายดนุพร กล่าว
นายดนุพร ระบุต่อว่า ขอขอบคุณ คณะรัฐมนตรี สส.ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ที่ได้ร่วมกันอภิปรายและโหวตรับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 1 โดยมีข้อแนะนำ ท้วงติง ข้อเสนอแนะในหลากหลายประเด็น โดยเฉพาะงบที่ไม่จำเป็นต่างๆ ต้องขอบคุณฝ่ายค้านและหวังว่าฝ่ายค้านจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปพูดคุยในชั้นกรรมาธิการ วาระ 2 รวมถึงต้องขอบคุณข้าราชการทุกกระทรวง ที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักในการจัดเตรียมทำงบประมาณต่อไป
นอกจากนี้ สภาผู้แทนฯ ยังได้ร่วมลงมติผ่านร่าง พระราชบัญญัติ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จากนี้ก็จะนำ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมเข้าสู่การพิจารณาชั้น กมธ. โดยเร็ว และเมื่อพิจารณาในวาระ 2-3 และชั้นวุฒิสภาเสร็จสิ้น คาดว่าเดือนกันยายน คนกรุงเทพก็จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยการเสียค่าเดินทางรถไฟฟ้าเพียง 20 บาท ตามนโบายลดรายจ่ายให้พี่น้องประชาชน และยังช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแก้ไขปัญหา PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องขอบคุณสมาชิกสภาฯ ทุกท่านที่ร่วมโหวตเห็นชอบในวาระ 1 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงการปรับครม. นายดนุพร กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกฯ เพียงผู้เดียว พรรคเพื่อไทยพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง การปรับคณะรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกฯเท่านั้น ถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรี ก็เพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์บ้านเมือง ให้สอดคล้องกับงบประมาณต่างๆ สอดคล้องกับปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ส่วนประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี โดยสลับกระทรวง หรือไม่ เป็นสิทธินายกฯ แต่พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลและมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค การปรับกระทรวงต่างๆ คงต้องได้พูดคคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรค ถ้าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อให้คณะรัฐมนตรีทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน และเราก็มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้าทำงานหนักต่อไปจนครบวาระของสภาผู้แทนราษฎรคือ 4 ปี และพร้อมเลือกตั้งใหม่ในปี 2570
ส่วน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ เสนอพรรคเพื่อไทยยึดคืนกระทรวงมหาดไทยกลับมาบริหารเอง ว่า เรื่องนี้ห่างไกลจากคำว่าครอบงำพรรคมาก นายทักษิณ เพียงตอบคำถามว่าในช่วง 2 ปีที่เหลือ รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงาน ซึ่งเป็นเพียงการตอบคำถามปกติต่อสื่อมวลชน ไม่ได้มีการครอบงำหรือสั่งการไปยังกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด รวมถึงห่างไกลจากการตีความว่า ไปบงการกิจกรรมของพรรค ในเรื่องที่สมาชิกหรือกรรมการบริหารพรรคควรตัดสินใจ อีกทั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอดว่า มีอำนาจเต็มในการปรับครม. นายทักษิณ ครอบงำไม่ได้ หากจะมีการปรับครม. พรรคเพื่อไทยจะคุยกันเองเป็นการภายใน ที่สำคัญจะยังไม่มีการปรับช่วงนี้แต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่เข้าปัจจัยใดของคำว่าครอบงำพรรคเลย
นายอนุสรณ์ ระบุว่า คนที่ติดตามการเมืองจะทราบดีว่า รัฐบาลต้องสร้างผลงานให้ประชาชนพึงพอใจตลอด 4 ปี และระยะสำคัญคือก่อนการเลือกตั้งต้องเร่งสร้างคะแนนนิยม สร้างความเชื่อมั่น เพื่อเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชนในการเลือกรัฐบาลครั้งต่อไป นายทักษิณ เพียงวิเคราะห์ด้วยประสบการณ์ และมองจากภายนอกเข้าไป จึงห่างไกลจากการครอบงำพรรค
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร" โดยในช่วงหนึ่งของรายการ ที่เป็นช่วงเล่าจากภาพ นายกฯ ได้นำรูปที่พันโทเท็ดดี้ อินทรา วิชจายา เลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซีย ชวนนายกฯ ถ่ายเซลฟี่ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ร่วมเซลฟี่ด้วย ในงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยน.ส.แพทองธาร กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า ไม่ร้าวนะคะ ไม่ร้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีกระแสข่าวกลุ่ม สส.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กำลังเตรียมนำ สส.ในกลุ่มย้ายออกจากพรรค รทสช. ไปอยู่กับพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่ชื่อ พรรคโอกาสใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และช่วงหลังนายสุชาติ ให้สัมภาษณ์ส่งสัญญาณตามที่มีกระแสข่าว ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พ.ค.นายสุชาติ ได้นัดแกนนำและสส.พรรค รทสช.กินข้าวเที่ยง หารือทางการเมืองกัน ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ กทม. โดยพบว่า ในวงดังกล่าว มีแกนนำและสส.พรรครทสช.ร่วม 20 คน ก่อนที่ช่วงบ่ายเดินทางกลับร่วมประชุมสภาฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำและสส.ที่ปรากฎในภาพร่วมรับประทานอาหาร อาทิ นายสุชาติ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ สส.บัญชีรายชื่อ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา เขต 2 นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส เขต 1 นายพิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี เขต 2 นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี เขต 4 นายปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี เขต 5 นายถนอมพงษ์ หลีกภัย สส.ตรัง เขต 1 น.ส.กุลวลี นพอบรมดี สส.ราชบุรี เขต 1 นางธิวัลรัตน์ อังกินันท์ สส.เพชรบุรี เขต 1 จอ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี เขต 3 นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี เขต 4
ขณะเดียวกัน หลังมีกระแสข่าวว่า สส.กลุ่มของนายสุชาติ จะย้ายออกจากพรรครทสช. พบว่าในการประชุมพรรครทสช.เมื่อวันที่ 27 พ.ค.เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครทสช.ได้กล่าวในที่ประชุมพรรค หลังจากนายสุชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อว่าอาจจะย้ายออกจากพรรครทสช. ตอนหนึ่งว่า ขอให้พวกเราอย่าหวั่นไหว ให้มั่นใจว่าพรรครทสช. ยังไปได้ ยังไงการเลือกตั้งรอบหน้า ยังมีพรรคอยู่ เรายังไปรอด