เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. 68 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทย กับ นายกแพทองธาร” หัวข้อ “ปรับแผน เดินหน้า สร้างโอกาสไทย” ว่า เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการเดินทางของตน ประเทศแรกคือ เวียดนาม เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ เวียดนามน่ารักมาก ต้อนรับประเทศไทยอย่างดีประทับใจ เป็นการประชุม Joint Cabinet Retreat (การประชุมร่วมรัฐบาล) รองนายกฯ และรัฐมนตรีของทั้งสองฝั่งมาคุย ซึ่งเวียดนามไม่เคยทำ Joint Cabinet Retreat กับประเทศไหน ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ส่วนไทยทำกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา คิดว่า พิเศษมากๆ เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ และได้เดินทางไปต่อที่มาเลเซีย เพื่อประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งในปีหน้าจะมีเพิ่มอีกหนึ่งประเทศคือ ประเทศติมอร์ เลสเต จริงๆ เขาเข้ามาประชุมกับเราสักพักแล้ว แต่เป็นทางการน่าจะเป็นปีหน้าเรา เราได้คุยถึงปัญหาในภูมิภาคว่าเจออะไรบ้าง เน้นๆ เลยคือ อาชญากรรมออนไลน์ที่ทุกประเทศเจอ ปัญหายาเสพติดที่เราจะขอความร่วมมือ ผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ เป็นเรื่องหลักที่เราคุยกัน และเป็นเรื่องคน เรื่องความร่วมมือว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง และจะสามารถเพิ่มการช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างไร 

 

นายกฯ กล่าวว่า พอประชุมอาเซียนเสร็จ มีการประชุมสุดยอดด้านเศรษฐกิจอาเซียน-คณะมนตรี ความร่วมมืออ่าวอาหรับ-จีน ซึ่งคือ 3 ภูมิภาค ได้แก่ อาเซียน อาหรับ และจีน เป็นครั้งแรกที่รวมกัน 3 ภูมิภาค ซึ่งมีประชากรถึง 2 พันกว่าล้านคน เป็น 1 ใน 4 ของโลก ซึ่งเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ เมื่อเราคุยกัน เกิดความมั่นคงขึ้น 2 เรื่อง คือ เรื่องอาหารและพลังงาน ทางอาหรับมีพลังงานมาก เราสามารถใช้ประโยชน์ได้มาก เราเองมีภาคการเกษตรและอาหารที่มีเรื่องความปลอดภัยและมั่นคง ฉะนั้น การเกิดพลังแบบนี้จะทำให้ทั้งโลกเห็นว่า 3 ภูมิภาคนี้รวมตัวกันอย่างแข็งแรง เมื่อจับมือกันแสดงให้เห็นพลังว่าทั้ง 3ภูมิภาคจับมือกันครั้งแรก เราก็มีอำนาจต่อรองเช่นกัน เป็นเรื่องใหญ่และเป็นสิ่งที่มาเลเซียภูมิใจว่า จัดที่ประเทศเขา ทำให้ 3 ภูมิภาคมาเจอกัน และมาตกลงกันว่าปัญหาต่างๆ ที่เจอในแต่ละภูมิภาคเราจะจับมือแก้ปัญหาไปด้วยกัน ช่วยเหลือกัน นอกจากนี้ ยังได้มีการคุยเรื่อง FTA ว่าเราจะขยาย FTA ได้อย่างไรบ้าง เพื่อเพิ่มโอกาสของเราและของเขา ในการทำให้เศรษฐกิจเราดีขึ้น และได้สร้างความสัมพันธ์กับทุกๆ ประเทศรายย่อย ๆ ที่อยู่ในกลุ่ม ถือว่าดีมาก เพราะจะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น แล้วพอมองหน้าแล้วทำให้เข้าใจความตั้งใจกันมากขึ้น ถ้าเราสร้างความสัมพันธ์นั้นที่ดีนี้ไว้ ไม่ว่าจะรัฐบาลจะเปลี่ยน จะเป็นภาพที่ดีว่า ประเทศไทยของเรามีความใจดี มีความซื่อตรง คุยได้ สามารถคุยในเรื่องต่างๆ ให้เกิดผลสำเร็จได้ ซึ่งได้ไปสร้างความสัมพันธ์เอาไว้ในหลายๆ ประเทศ

 

นายกฯ กล่าวว่า การเดินทางไปโมนาโกได้เห็นการจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula 1 (F1) หากเกิดขึ้นในประเทศไทยจะเกิดประโยชน์อย่างมาก จะมีการจ้างงานมีการพัฒนาสกิลของคนไทยอย่างก้าวกระโดด และจากที่ได้เดินทางไปได้พบกับเด็กไทยที่แข่งอยู่ใน F3 ซึ่ง เขาก็ฝันอยากแข่ง F1 เป็นการสร้างความหวังให้เด็กไทยว่าไม่ไกลเกินไป และเพียงแค่1 วันมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาดู F1จำนวน 1 แสนคน การเตรียมการ 3 วันก่อนแข่ง 3 แสนคน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รถไฟฟ้า แท็กซี่เต็มแน่นอน และไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ จังหวัดข้างเคียงคนเต็มแน่นอน ทั้งอาทิตย์จะทำให้เกิดไฮซีซันอีกช่วงหนึ่งเลย เป็นความหวังเพราะตอนนี้มีประเทศที่จัดแข่งอยู่ 24 ประเทศ ในเอเชีย มี 3-4 ประเทศเราจะเป็นหนึ่งในนั้น เปอร์เซ็นต์สูงที่จะเป็นหนึ่งในนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่รอจริงๆ อยากให้เกิดขึ้น

 

นายกฯ กล่าวท้ายรายการว่า ขอบคุณที่ชมรายการ หวังว่า จะรับประสบการณ์ไปด้วยกันมากไปกว่านั้น มากกว่านั้น อยากให้รู้สึกว่าจริงๆ แล้วรัฐบาลกำลังดูทุกเรื่องที่จะเป็นโอกาสของพี่น้องประชาชน โอกาสของประเทศ ตนในฐานะหัวหน้าของรัฐบาลตั้งใจจะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ การเข้ามาตรงนี้ การพัฒนาหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือทำให้ชีวิตพี่น้องเป็นดีอยู่ดีขึ้น ตนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและแน่นอนว่าทำเต็มที่แน่นอน