วันที่ 1 มิ.ย.68 รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า ไทยจะจัดการกับ "นโยบายสามง่าม" ของกัมพูชาอย่างไร?
ง่ามแรก: นายฮุน เซ็น ประธานรัฐสภาและประธานองคมนตรี ดำเนินนโยบายที่ซับซ้อนและซ่อนเงื่อน โดยประกาศว่าไม่ได้รุกรานไทย เพียงแต่ป้องกันอธิปไตยเท่านั้น และให้ตัวแทนของตน รวมทั้งพล.ท.ฮุน มานิต น้องชายนรม.ฮุน มาเนต เดินทางลงพื้นที่พร้อมกับหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเกือบ 40 พรรค เพื่อปลุกขวัญปลุกกำลังใจและมอบเงินมอบสิ่งของให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตและให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะกับไทยตามแนวชายแดนนับร้อยครอบครัว
ที่สำคัญ นายฮุน เซนน่าจะได้สื่อสารกับฝั่งไทยทางโทรศัพท์แล้วว่าไม่มีอะไรและไม่ได้มีการสั่งการให้ใช้กำลังแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการป้องกันเหตุการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ใครจะเชื่อหรือไม่และด้วยเหตุผลอะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ง่ามที่สอง: ทหารกัมพูชาดำเนินนโยบายเชิงรุกในทางยุทธวิธี โดยได้เคลื่อนกำลังเข้าพื้นที่ชายแดนพร้อมอาวุธอย่างต่อเนื่อง มีทั้งปืนใหญ่ 155 และ 122 มม. รถถัง รถหุ้มเกราะ รถยิงจรวดหลายหัวของรัสเซียและของเช็กโกสโลวาเกีย รถขนกระสุน จรวดต่อต้านอากาศยาน KS-1A KS-1C ของจีน เป็นต้น ทั้งหมดนี้ เป็นการสถาปนา "แนวต้านใหม่" หรือ "เขตกันชน" ทางยุทธวิธี เพื่อชิงความได้เปรียบในการต่อสู้ทั้งทางทหารและทางการเมืองระหว่างประเทศกับไทยในอนาคตต่อไป
อีกทั้งรัฐบาลกัมพูชายังมีการแสวงหาประโยชน์จากความขัดแย้งและความสูญเสียของทหาร "วีรชน" เพื่อหวังผลทางการเมืองในประเทศด้วยการปลุกกระแสรักชาติอย่างชัดเจน ที่สำคัญ กองบัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชายังได้ออกแถลงการณ์อย่างแข็งกร้าวว่า "ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังหรือวางกำลังโดยไม่ติดอาวุธ" และ "ฝ่ายกัมพูชาได้ครอบครอง (พื้นที่) มาก่อนมีการลงนามใน MOU 43"
ง่ามที่สาม: กองทัพบกกัมพูชาดำเนินนโยบายปรองดองและเป็นมิตรกับไทย โดยผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของกำลังพลจากการปะทะ ย้ำถึงการให้ความต้องการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี และยืนยันว่าจะไม่มีการรุกรานอธิปไตยกัน
นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ทั้งสองประเทศยังมีความเห็นร่วมกันที่จะประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee - JBC) และคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน (Regional Border Committee - RBC) เพื่อแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะที่ช่องบก และได้ตกลงจะเคลื่อนกำลังออกจากพื้นที่ เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างกัน
รวมทั้งจะกำกับดูแลกำลังพลทั้งสองฝ่ายให้อยู่ในกรอบ โดยทางกัมพูชาเน้นว่าหากใครฝ่าฝืน จะดำเนินการย้ายออกจากพื้นที่ทันที และยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาสามารถควบคุมและสั่งการหน่วยงานทุกหน่วยได้อย่างเด็ดขาด
ดังนั้น ไทยควรจะทำอย่างไรกับความสามง่ามหรือ Three pronged approaches ของกัมพูชา รับฟังคำตอบได้ในคลิปข้างล่างครับ
https://www.youtube.com/watch?v=HCXpCArtaYg
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn (ปณิธาน วัฒนายากร)