เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 31 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงงบประมาณปี 2569 ของกระทรวงแรงงาน ภายหลังมี สส.พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ว่า จากที่มีการอภิปรายเรื่องงบประมาณ ซึ่งปีนี้กระทรวงแรงงานเสนอของบประมาณทั้งหมด 68,169 ล้านบาทเศษ โดยในส่วนของประกันสังคม 61,666 ล้านบาท แยกเป็น 2 รายการคือจากการสมทบของรัฐบาล 2.75% รวมทั้งใช้หนี้ด้วย 60,729 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่รัฐบาลจัดให้ประกันสังคม 937 ล้านบาท โดยสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน(องค์การมหาชน) หรือ สสปท. 79 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ถามว่ากระทรวงแรงงานเราได้งบประมาณเพิ่มขึ้นหรือไม่ บางส่วนงานก็ลด แต่ที่มีงบประมาณสำหรับการพัฒนาเพิ่มขึ้น คือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ใช้ในการเพิ่มทักษะแรงงานให้ทันยุคสมัย ซึ่งก็เป็นกรมเดียวที่ได้งบเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนอื่นๆ ที่ลงไปเยอะคือประกันสังคม เพราะประกันสังคมมีเงินที่สนับสนุนจากกองทุน ในแต่ละปีจัดสรรให้ประมาณ 10% สามารถนำไปใช้จ่ายได้ แต่ประกันสังคมไม่เคยใช้ถึง 10% จะใช้เพียงแค่ 2% กว่า ซึ่งการจะอนุมัติหรือใช้จ่ายอะไร ส่วนมากจะผ่านอนุกรรมการทั้ง 16 คณะ ซึ่งทั้งหมดถูกตั้งโดยบอร์ดประกันสังคมที่มาจากการเลือกตั้ง และกรณี ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายในแต่ละเรื่อง
เมื่อถามว่างบ 24,000 ล้านบาทที่จะนำไปช่วยในมาตรา 33 39 และ40 จะนำไปใช้ในส่วนใดบ้าง นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จะไปช่วยผู้ประกอบอาชีพอิสระ ถึงแม้จะทำงานบริษัทแล้วเลิกงานจะไปประกอบอาชีพเล็กๆค้าขาย วินมอเตอร์ไซด์ ก็สามารถกู้เงินจากธนาคารที่ประกันสังคมได้ยืมไว้ เพื่อเป็นต้นทุนนำไปประกอบอาชีพอิสระ โดยวงเงินนี้ให้กู้ขั้นต่ำ 5,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อคน ดอกเบี้ยจะพยายามตรึงไม่ให้เกิน 8% ต่อปี ผู้ใช้แรงงานที่มีอาชีพอิสระแล้วไปกู้เงินนอกระบบสามารถกู้เงินตรงนี้ไปโปะเงินนอกระบบได้ แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป บอร์ดประกันสังคมต้องมีการประชุมและอนุมัติก่อนว่าต่อคนให้กู้เท่าไหร่ หากตนและกระทรวงแรงงานไม่มีโครงการนี้ หรือประกันสังคมไม่ให้ยืมเงินก้อนนี้ออกมา ก็จะมีคนบอกว่ากระทรวงแรงงานช่วยแต่นายจ้างแล้วเมื่อไหร่จะช่วยลูกจ้างสักที พวกเราลูกจ้างนับวันก็จะจนลง ตรงนี้จึงเป็นโอกาสที่กระทรวงแรงงานโดยประกันสังคมจะยืมเงินก้อนแรก 24,000 ล้านบาทไปใช้ ทั้งนี้มีธนาคาร 2 แห่งตอบรับแล้ว ส่วนอีก8 แห่งอยู่ในช่วงหารือ
“วันนี้ที่เรามาชี้แจงกับสื่อมวลชนเพราะผมได้ขอเวลาบนบัลลังก์ไปแล้วแต่ปรากฏว่าเวลาของรัฐบาลไม่พอ จึงขอโอกาสสื่อมวลชนช่วยกันกระจายในสิ่งที่ผมและกระทรวงแรงงานแถลงในวันนี้ ว่าการทำงานของกระทรวงแรงงานไม่ได้หยุดนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนๆสมาชิกอภิปรายในสภาเราได้ดำเนินการและได้มีการทำล่วงหน้าไปแล้วบางส่วน ในบางส่วนที่เรายังไม่ได้รับงบประมาณก็รองบประมาณ เพื่อที่จะขับเคลื่อนต่อไป” นายพิพัฒน์ กล่าว