นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า

ฤาเข้าตาจน ทั้งแดงและน้ำเงินพร้อมใจเดินหน้าลุยไฟ ไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตายกันแล้ว

1 ท่ามกลางการร้องขอให้ยุบพรรค และถอดถอน ผู้บริหารสำคัญของพรรคตลอดจนเครือข่ายทางการเมืองรวมทั้ง สว.สายสีน้ำเงิน ร่วม 140 คน ซึ่งพ่อใหญ่แม้วประกาศว่า การตรวจสอบไต่สวนจะหยุดกลางคันไม่ได้ต้องดำเนินการต่อไปตามกระบวนการ

ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ มีการเลือก ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการปปช. และมีการเสนอให้เลื่อนการเลือกไปก่อน

เพราะสว. ที่จะเลือกนั้นมีมลทินมัวหมองถูกร้องอยู่ เหมือนพระที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปราชิก จะไปบวชให้กุลบุตรอื่นไม่ได้ แต่ปรากฏว่า คณะสว.สีน้ำเงินทั้งหมดพร้อมใจกันหักด่านไม่ฟังเสียงใคร เดินหน้าโหวตเลือกป.ป.ช.ตามที่ต้องการ ด้วยคะแนนเสียง เท่ากับ จำนวนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่นั่นเอง

2 ฝ่ายแดงก็เดินหน้าลุยไฟเหมือนกัน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุขในฐานะนายกแพทยสภา วีโต้มติแพทยสภา ทำให้แพทย์ทั่วประเทศลุกฮือขึ้น ต่อต้าน อย่างกว้างขวางและรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่มีการจัดตั้งแพทยสภาเป็นต้นมา และมีทีท่าว่า แพทยสภาจะยืนมติเดิมด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 เพื่อล้มการวีโต้ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

จึงทำให้ความพยายามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นหมัน ได้ไม่คุ้มเสีย กลับสร้างความไม่พอใจและการต่อต้าน ให้เกิดขึ้นแก่แพทย์ทั่วประเทศ

ที่สำคัญคือ เกียรติภูมิของแพทยสภานั้น เป็นที่นับถือของประชาชน มากกว่านักการเมืองหลายเท่า

ดังนั้นปัญหาเรื่องนี้ ฝ่ายแดงจึงเสียหายยับเยิน

ข้อสำคัญคือมีอาการหลงทาง เหมือนไก่ชนหลงจิกปีกตัวเอง

เพราะประเด็นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวนนั้นคือ "จำเลยถูกจำคุกครบถ้วนตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วหรือไม่" ซึ่งศาลฎีกาจะบังคับโทษไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาความในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งบัญญัติ ไว้ชัดเจนว่า การบังคับโทษตามคำพิพากษา ให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ดังนั้น ศาลฎีกาจึงไม่มีทางที่จะไป บังคับโทษตามกฎหมายราชทัณฑ์ซึ่งฝ่ายการเมืองพยายามที่จะใช้เป็นข้ออ้างอยู่

แต่ข้ออ้างนั้นก็มีปัญหา ว่านักโทษป่วยจริงหรือไม่ เพราะมติของแพทยสภานั้น ชัดเจนว่า มีการทำหนังสือส่งตัวออกนอกเรือนจำโดยที่ยังไม่มีการตรวจอาการผู้ป่วย และ การรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ก็มีการทำรายงานการรักษาไม่ตรงกับความเป็นจริง และยังมีหลักฐานว่า ไม่มีการทำบันทึกการรักษาพยาบาลหรือเวชระเบียนเลย นอกจากนั้น หลักฐานการจ่าย ค่ารักษาพยาบาล ก็ไม่มีหลักฐานการจ่ายค่ายามีแต่หลักฐานการจ่ายค่าห้องพักซึ่งหมายความว่า ไปนอนเล่นอยู่เฉยๆไม่มีการรักษาพยาบาล ซึ่งจะเป็นน้ำหนักว่าไม่มีการป่วยจริง ทำให้ผู้เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดทางอาญาเพิ่มขึ้นอีก ขบวนหนึ่ง

เข้าทำนองวินาศสกาเล

วิปริตตะพุฒิ ซึ่งแปลว่าเมื่อกาลวินาศมาถึงสติปัญญาก็วิปลาสฟั่นเฟือนไป นั่นแหละ