วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตต่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า แม้จะเป็นงบประมาณที่รัฐบาลจัดทำขึ้นในบริบทของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ยังคงมีประเด็นหลายด้านที่ควรจับตา โดยเฉพาะในเรื่องความสมดุลทางการคลัง และทิศทางการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
หนึ่งในประเด็นหลักที่ได้รับความสนใจ คือ การตั้งงบประมาณแบบขาดดุลในวงเงินสูงถึง 860,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่า รัฐบาลยังคงต้องพึ่งพาการกู้เงินอย่างต่อเนื่องเพื่อชดเชยรายจ่าย ซึ่งตนเข้าใจได้ว่าเป็นความจำเป็นในระยะสั้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในระยะยาว ควรมีแผนลดระดับการขาดดุลและควบคุมหนี้สาธารณะให้เกิดเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ รวมถึงในส่วนของงบกลาง ซึ่งถูกจัดสรรไว้ถึง 632,968 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 16.7 ของงบประมาณทั้งหมด ยังเป็นงบที่ไม่มีการแจกแจงรายละเอียดอย่างเพียงพอ และมีลักษณะการรวมศูนย์อำนาจการตัดสินใจไว้ที่ส่วนกลางค่อนข้างมาก ทำให้ยากต่อการตรวจสอบประสิทธิภาพในการใช้งบ
แต่งบประมาณในส่วนนี้ก็ยังคงมีความจำเป็นในช่วงที่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่ไม่อาจคาดคะเนได้ ซึ่งหากรัฐบาลสามารถแจกแจงที่มาที่ไป การใช้จ่ายงบประมาณให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก และเป็นการย้ำให้ประชาชนได้เห็นถึงความโปร่งใสตรวจสอบได้ในกระบวนการงบประมาณของรัฐบาล
นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ยังได้เสนอข้อสังเกตต่อบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งควรมีบทบาทที่ชัดเจนและเชิงรุกมากยิ่งขึ้นในการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง พร้อมเสนอให้ฟื้นฟูมาตรการลดราคาสินค้าจำเป็นในรูปแบบที่เข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง เช่น โครงการธงฟ้า ควบคู่กับการรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้า ไม่ใช่มุ่งเพียงลดราคาแต่กลับละเลยความปลอดภัยหรือคุณภาพที่ประชาชนควรได้รับ
ทั้งนี้ ยังสะท้อนปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจสำคัญอย่างปาล์มน้ำมัน ยางพารา และข้าว ซึ่งกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรจำนวนมากทั่วประเทศ จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการเปิดตลาดใหม่และขยายการส่งออกในไตรมาสถัดไป เพื่อช่วยพยุงราคาสินค้าเกษตรและรักษาเสถียรภาพรายได้ของภาคเกษตรกรรมต่อไป
ขณะที่ในด้านการกระจายอำนาจ นายสรรเพชญตั้งข้อสังเกตว่า งบประมาณที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแม้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าร้อยละ 35 ตามกรอบแนวนโยบายการกระจายงบประมาณตามกฎหมาย จึงควรมีการเร่งรัดให้เกิดการกระจายงบประมาณสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง เพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นจากฐานราก และตอบโจทย์พื้นที่ได้ตรงจุดมากขึ้น นายสรรเพชญเสนอว่า ในปีงบประมาณ 2570 รัฐบาลควรกำหนดเป้าหมายการจัดสรรงบท้องถิ่นให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 30 ของงบทั้งหมด และควรมีการกระจายภารกิจด้านการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจและการพัฒนาที่ยั่งยืน