วันที่ 30 พ.ค. 68 เวลา 10.00 น. นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ลงพื้นที่ จ.อ่างทอง ติดตามการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ โดยมีนายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายทัศนัย สุธาพจน์ และนายไพบูลย์ ศุภบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายชัยรัตน์แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ผู้บริหารกรม ปภ. ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และนายอำเภอ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโพธิ์ทอง ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสภาวะอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ประกอบกับกรมชลประทานได้แจ้งว่าด้วยสถานการณ์น้ำในปัจจุบันทำให้กรมชลประทานจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,000-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.50 - 1.30 เมตร ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ในช่วงวันที่ 29 พ.ค. 68 เป็นต้นไป ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานจังหวัดให้แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
สำหรับจังหวัดอ่างทองเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนเป็นประจำทุกปี โดยจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี พบว่ามีพื้นที่ท่วมซ้ำซากใน อ.วิเศษชัยชาญ อ.ไชโย อ.เมืองฯ และ อ.ป่าโมก เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำ ซึ่งจากการติดตามการทำงานในวันนี้ เห็นได้ว่าจ.อ่างทองได้เตรียมการรับมืออย่างเข้มข้น ผ่านการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทบทวนแผนเผชิญเหตุอุทกภัย มีการเตรียมจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การเตรียมซักซ้อมแผนอพยพ ตลอดจนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย และการวางระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตรงนี้จังหวัดสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้จังหวัดดูแลในส่วนของการให้ความช่วยเหลือประชาชนหลังเกิดภัย โดยขอให้จังหวัดตรวจสอบวงเงินทดรองราชการคงเหลือของจังหวัด หากไม่เพียงพอขอให้ทำเรื่องขอขยายวงเงินมาที่ ปภ. ทันที ไม่ต้องรอให้เกิดภัยขึ้นในพื้นที่ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที
นายภาสกร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นเรื่องสำคัญ แม้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่นอกคันกั้นน้ำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ประชาชนทราบและเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่ก็ขอให้จังหวัดและอำเภอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ต้องมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ของอำเภอและต้องจัดให้มีบุคลากรทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการทำงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการตรวจสอบระดับน้ำและสถานการณ์ในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลและทำการแจ้งเตือนได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ขอให้ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในเรื่องการรับข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการระบายน้ำ พื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย สำหรับการสนับสนุนการปฎิบัติงานของจังหวัดในการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์และการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน ตนได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี เตรียมเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ และส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยที่จำเป็นเข้ามาประจำในพื้นที่แล้ว ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์ขึ้นและจังหวัดต้องการอุปกรณ์เพิ่มเติม ให้ประสานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทันที กรม ปภ. จะได้สนับสนุนอุปกรณ์เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่
ซึ่งหน้าฝนปีนี้มาเร็วกว่าปกติ แต่ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะทางกรมชลประทานมีการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและบริหารจัดการล่วงหน้าผ่านการระบายน้ำแบบขั้นบันไดและมีการแจ้งข้อมูลให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ แม้ว่าขณะนี้ระบบการแจ้งเตือนภัยด้วย Cell Broadcast จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ ปภ. ก็ได้นำระบบ Cell Broadcast มาใช้ในการแจ้งเตือนประชาชนทันที ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนทราบสถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมืออย่างถูกต้อง โดยได้ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ True AIS และ NT ส่งแจ้งเตือนทั่งผ่านระบบ Cell Broadcast และ SMS ให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงริมแม่น้ำพอง ต.ภูกระดึง และ ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย ให้ยกของขึ้นที่สูง และเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางเนื่องจากคาดว่าแม่น้ำพองจะล้นตลิ่ง และส่งอีกครั้งเมื่อวานนี้ (29 พ.ค. 68) เวลา 11.00 น. เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ ต.โผงเผง ต.บางเสด็จ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง และต.บ้านกระทุ่ม ต.หัวเวียง ต.บ้านแพน ต.รางจระเข้ อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง ต.กุฎีจ.พระนครศรีอยุธยา เรื่องเขื่อนเจ้าพระยาปรับอัตราระบายน้ำเพิ่มซึ่งอาจทำให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ นายภาสกร กล่าวว่า ปภ. ยังได้ทำการแจ้งเตือน และประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน Thai Disaster Alert (TDA) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X@DDPMNews ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อนทาง LINE ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือต่อไป
จากนั้น อธิบดี ปภ. และคณะ ได้ลงพื้นที่ไปยัง องค์การบริหารส่วนตำบลโผงเผง ซึ่งเป็นจุดระดมทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี ที่ได้ส่งมาประจำการพร้อมปฏิบัติงานในพื้นที่ และลงพื้นที่ หมู่ 5 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการเตรียมพร้อมรับมือของจังหวัด