กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แม่ฮ่องสอน นำเคลือข่ายประกาศเจตนารมณ์ “คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ณ ห้องประชุมเสรีพิทักษ์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน หลังพบว่ามีเยาวชนสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 18.5
วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.30 น. 10.30 น. นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธาน พร้อมด้วย นพ.ทศพล ดิษฐ์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลกประจำปี 2568 โดยมีส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้อง นักเรียน นักศึกษา จากโรงเรียนต่าง รวมทั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตแม่ฮ่องสอน เข้าร่วมกิจกรรม ณ หอประชุมเสรีพิทักษ์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย กิจกรรมการประกาศเจตนารมณ์ การลงนามความร่วมมือในการป้องกันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า การมอบรางวัลประกวดคลิป TIK TOK และบูธนิทรรศการ แสดงผลงาน โดยมีภาคีเครือข่ายจากหน่วยงานราชการและแกนนำเด็กและเยาวชนจากสถานศึกษาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ทั้งนี้ วันงดสูบบุหรี่โลก จัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1988 โดยองค์การอนามัยโลก เนื่องจากเล็งเห็นอันตรายของบุหรี่ต่อสุขภาพ ของผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่ การจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ ให้รัฐบาลชุมชนและประชากรโลก ตระหนักถึงความสำคัญและเข้าร่วมกิจกรรมและกระตุ้นให้รัฐบาลกำหนดนโยบาย/กฎหมาย เพื่อควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้ และกำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก โดยในปี 2568 ได้กำหนดประเด็นรณรงค์คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลกคือ กระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า
ด้านนพ.ทศพล ดิษฐ์ศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เด็กและเยาวชน ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ายิ่งของชาติในอนาคต โดยปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่สำคัญในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย ยังคงเป็นเรื่องบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติด ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต การสูบบุหรี่หรือยาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ และเพิ่มความรุนแรงของโรคจากการติดเชื้อโควิด 19 ทำให้มีโอกาส เสียชีวิตได้สูง สถานการณ์การสูบบุหรี่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปี พ.ศ.2567 พบว่ามีประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จากร้อยละ 14.7 เพิ่มเป็นร้อยละ 18.5 สิ่งเหล่านี้มีผลทำให้เด็กและเยาวชนเกิดพฤติกรรมทางที่ไม่เหมาะสม เกิดผลเสียต่อตนเองและคนรอบข้าง ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนและภาคีเครือข่ายฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดรณรงค์นี้ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่ประชาชนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และลดจำนวนการสูบบุหรี่ ลดปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ส่วน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ปัญหาการสูบบุหรี่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มการใช้บุหรี่ในกลุ่มเด็กเยาวชนพบเห็นกันได้บ่อย โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้ามาครอบงำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาไปใช้สารเสพติดชนิดอื่น และปัญหาควันบุหรี่มือสองที่ส่งผลโดยตรงกับคนในครอบครัว ซึ่งในตัวบุหรี่ยังพบสารเคมีกว่า 4,000 ชนิด โดย 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง ที่ส่งผลทำให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพตามมาในระยะยาว และในปัจจุบันการพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้า ทางบริษัทได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์มาจนถึง GEN ที่ 6 ในรูปแบบของประเภทยาดม ซึ่งได้ผสมสารและกลิ่นมากกว่า 16,000 กลิ่น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นองุ่น สตรอเบอรี่ กลิ่นโค้ก กลิ่นลูกอมต่าง ๆ ซึ่งง่ายต่อการจูงใจในการทดลองใช้งาน และในปัจจุบันมีการนำพอตผสมกับยาเคตามีน แพร่ขยายในกลุ่มเที่ยวกลางคืน จะเห็นได้ว่ายิ่งเราป้องกันมากเท่าไหร่ บริษัทที่ผลิตบุหรี่จะก้าวนำเราเสมอ ดังนั้น จึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันในเด็กและเยาวชนให้รู้จักโทษและพิษภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งบูรณาการทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ และเน้นมาตรการในการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ นายเอกวิทย์ ได้ร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงาน ประกาศเจตนารมณ์ “ความร่วมมือไม่เอาบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า”มุ่งสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนปลอดบุหรี่ จะร่วมมือกันรณรงค์ป้องกันประชาชนคนไทยทุกคน โดยเฉพาะเด็ก และเยาวชน ให้ปลอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ ร่วมกันสื่อสารข้อมูล เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนชาวไทยโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ได้รับรู้ถึงอันตรายของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า และรู้เท่าทันกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ สร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในโรงเรียน และสถานศึกษาทุกระดับ เพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิด ของเด็กและเยาวชนไทย โดยการเฝ้าระวังและสนับสนุนให้มีการบังคับใช้กฎหมาย การห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด