ตีกันจนมุ้งแทบขาด สุดท้ายก็ได้เห็นภาพ ทักษิณ ชินวัตร โชว์ซีนหวานสยบรอยร้าว “แดง-น้ำเงิน” โอบไหล่ อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมคำมั่น
“อยู่กันจนจบ ไม่ต้องห่วง”!!
หลังสงครามตัวแทน ระหว่าง “ดีเอสไอ”กับ “สว.” ห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ “เกี้ยเซียะ”กันได้
“ทักษิณ”ยืนยันว่า เรื่องคดีความต่างๆ จะไม่กระทบความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน
“จะไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีกลางคัน จนกว่าจะมีการยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งก็อีกนาน”
แม้ที่ผ่านมา ค่าย“น้ำเงิน” จะขวางนโยบายสำคัญของ “พรรคเพื่อไทย” ไม่ว่าจะเป็น เกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และโครงการแลนด์บริดจ์ โดยมีสว.สีน้ำเงินเล่นเพลงเดียวกันเหมือนลำโพงซ้ายลำโพงขวา
ไม่เพียงการสกัดนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยไม่ให้ไปถึงฝั่ง แต่ยังโต้กลับแรงด้วยการส่ง 92 สว.ไปยื่นสอย 2 รัฐมนตรี ที่เป็นขุนกระบี่ข้างกายของ “ทักษิณ” คือ ภูมิธรรม เวชยชัย และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จนล่าสุด “พ.ต.อ.ทวี”ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่คุมดีเอสไอ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกมตีรวนของค่ายน้ำเงิน ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุก็มาจาก “เกมปรับครม.”ของ “ทักษิณ” ที่พรรคเพื่อไทยต้องการดึงกระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย มาให้กับพรรคเพื่อไทย โดยให้กับโควตาสส.อีสาน โดยอาจแลกกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และการสลับสับเปลี่ยนกระทรวงกันภายในรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ตามที่ “ทักษิณ” เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ช่วงปลายเดือนเมษายนว่า
“ไหนๆ จะปรับ ก็ต้องปรับทีเดียว”!!
แต่ที่ยังไม่อาจหาจุดลงตัวได้ เนื่องจาก พรรคภูมิใจไทยไม่ต้องการเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่หวังจะกลับไปคุมกระทรวงคมนาคม ที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญของ “บิ๊กเนม”อย่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งไม่เพียง “สุริยะ”จะไม่ปรารถนาจะลุกออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว “ทักษิณ”เองก็ไม่ต้องการเช่นกัน ดังนั้นการปรับครม.จึงยากที่จะสะเด็ดน้ำในเร็ววันนี้
นิติสงครามและคดีความต่างๆ จึงต้องดำเนินไปให้ถึงจุดที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูก “ทอนกำลัง” เพื่อให้อีกฝ่ายมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่า
โดยเฉพาะในฝั่งสีแดง ที่ต้องไปลุ้นคดีชั้น 14 ของ “ทักษิณ” ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ว่าจะออกมาเป็น “บวก” หรือ “ลบ” ซึ่งผลพวงของคดีนี้จะกระทบต่อองคาพยพที่อยู่ข้างหลัง ทั้งรัฐบาลแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย
จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองผ่านไลฟ์ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยแสดงความมั่นใจว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะใช้สิทธิวีโต้มติของแพทยสภา เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยทางการเมืองในระยะสั้น แม้โดยหลักเหตุผลควรปล่อยให้มติแพทยสภาเดินหน้าต่อไปในการประชุมวันที่ 12 มิ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน “จตุพร”ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” ที่ไปร่วมเวทีพูดถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งจัดโดย ป.ป.ส. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมองว่า เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ช่วงก่อนถึงวันนัดไต่สวนหรือพิจารณาการบังคับโทษในวันที่ 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกาฯ โดยตนเชื่อว่า “ทักษิณ”จะไม่เดินทางไปศาล แม้พรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร จะยังยืนยันในเรื่องนี้
พร้อมกันนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ความมั่นใจของนายกรัฐมนตรีดูจะลดน้อยลงเรื่อยๆ สังเกตได้จากภาษากาย และการสัมภาษณ์ในช่วงหลัง ที่สะท้อนความลังเลภายในพรรค โดยเตือนว่า หาก “ทักษิณ” ไม่ไปศาล อาจกระทบถึงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในรัฐบาล
“จตุพร” ยังอ้างกระแสข่าวว่า อาจมีการถอดถอนพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย. พร้อมตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะกระทบทั้งเสถียรภาพและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดนี้ โดยชี้ว่า หาก “ทักษิณ” ไม่ไปศาล หรือถูกนำตัวเข้าคุก จะเป็นชนวนให้การเมืองร้อนแรงถึงขั้นยุบสภา
ความเห็นของ “จตุพร” อาจสวนทางกับสิ่งที่ “ทักษิณ” ให้ความมั่นใจ แม้อาจไม่ใช่เรื่องแปลกในวิสัยของ “ศัตรู”
ด้วยก่อนหน้านี้ที่ “ทักษิณ”จะโอบไหล่ “อนุทิน”นั้น “จตุพร”ก็เพิ่งไปโอบกอดมากับ สนธิ ลิ้มทองกุล ส่งสัญญาณผนึกกำลังที่มุ่งตรงต่อต้าน “ทักษิณ”
ดูเหมือนว่าเวทีปาฐกถาเรื่องปัญหายาเสพติดที่ ป.ป.ส.จัดให้ นั้นนอกจากจะเป็นซีนสยบรอยร้าวระหว่าง “แดง-น้ำเงิน” ยังสยบข่าวลือว่าที่ว่าเขาจะหลบหนีออกประเทศ
เข้าตำรายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว