หลังผ่านพ้นการจัดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล(สท.)ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังจากนี้ก็จะเป็นสนามท้องถิ่นน้องเล็กสุด นั่นคือสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล(ส.อบต.) ที่จะหมดวาระพร้อมกัน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 นี้

โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแผนการเตรียมเดินหน้าให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนล่วงหน้า ก่อนการเลือกตั้ง ส.อบต.และนายกอบต. มุ่งเน้นให้ประชาชนเข้าใจถึงบทบาทสำคัญของ อบต. ที่มีต่อการพัฒนาท้องถิ่น พร้อมรู้เท่าทันสิทธิ หน้าที่ และกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง

โดยปัจจุบันมีอบต. ทั่วประเทศจำนวน 5,293 แห่ง ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแล
และจัดทำบริการสาธารณะแก่ประชาชนในระดับหมู่บ้านและตำบล และมีเขตพื้นที่รับผิดชอบตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย

อบต.คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบล มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ทำหน้าที่ดูแลบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานให้แก่ประชาชนในตำบล ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เช่น การซ่อมแซมถนนในหมู่บ้าน ระบบประปา 
การเก็บขยะ การดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การส่งเสริมอาชีพ รวมถึงการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นและการจัดบริการสาธารณะให้เหมาะสมกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่

สมาชิกสภา อบต. ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เขตเลือกตั้งละ 1 คน โดยกำหนดเขตหมู่บ้านเป็นเขตเลือกตั้ง เว้นแต่ หมู่บ้านใดมีราษฎรไม่ถึง 25 คน ให้รวมหมู่บ้านนั้นกับหมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดต่อกัน และรวมกันแล้วมีราษฎรถึง 25 คน เป็นเขตเลือกตั้งเดียวกัน อายุของสภา อบต. มีกำหนดคราวละ 4 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง

ทั้งนี้ หาก อบต. ใดมีเขตเลือกตั้งไม่ถึง 6 เขตเลือกตั้ง (หมู่บ้าน) ให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น ประกอบด้วยสมาชิก จำนวน 6 คน โดยถ้ามี 1 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต. 6 คน ถ้ามี 2 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต. ได้เขตเลือกตั้งละ 3 คน ถ้ามี 3 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต. ได้เขตเลือกตั้งละ 2 คน ถ้ามี 4 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต. ได้เขตเลือกตั้งละ 1 คนก่อน แล้วเพิ่มให้เขตเลือกตั้งที่มีจำนวนราษฎรมากที่สุด 2 เขตเลือกตั้งแรก เขตเลือกตั้งละ 1 คน และถ้ามี 5 เขตเลือกตั้ง ให้มี ส.อบต. ได้เขตเลือกตั้งละ 1 คน และเพิ่มให้เขตเลือกตั้งที่มีจำนวนราษฎรมากที่สุดอีก 1 คน

สภา อบต. มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนา อบต. พิจารณาและอนุมัติงบประมาณ รวมทั้งควบคุมการบริหารราชการของนายก อบต. ให้เป็นไปตามนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 

ในส่วนนายก อบต. มาจากการเลือกตั้ง จำนวน 1 คน โดยใช้เขตองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นเขตเลือกตั้ง มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ ในกรณีดำรงตำแหน่งไม่ครบ 4 ปี ก็ให้ถือว่าเป็น 1 วาระ  และเมื่อได้ดำรงตำแหน่ง 2 วาระ  ติดต่อกันแล้วจะดำรงตำแหน่งได้อีกเมื่อพ้นระยะเวลา 4 ปีนับแต่วันพ้นตำแหน่ง

สำหรับ นายก อบต. มีหน้าที่บริหารงานตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย แถลงนโยบายต่อสภา และควบคุมการดำเนินงานของพนักงานส่วนตำบลให้เป็นไปตามเป้าหมายและประโยชน์สูงสุดของประชาชน ประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลมีสิทธิและหน้าที่หลายประการตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่การเสียภาษีอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบัญญัติของ อบต. การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของ อบต. การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของ อบต. การเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง การมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาและงบประมาณ การเข้าชื่อเสนอร่างข้อบัญญัติท้องถิ่น  และการเข้าร่วมประชุมสภา อบต.   

การใช้สิทธิเลือกตั้งและการสมัครรับเลือกตั้งการเลือกตั้ง อบต. ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะผู้ที่ประชาชนเลือกเข้าไปจะมีอำนาจตัดสินใจ ในเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน การรู้จักบทบาทของ อบต. และสิทธิของตนเองอย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งจำเป็น ประชาชนควรเตรียมความพร้อมล่วงหน้า โดยเฉพาะการตรวจสอบคุณสมบัติของตนเอง เพราะหากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะถูกจำกัดสิทธิบางประการนาน 2 ปี ทั้งนี้ การแจกเงิน สิ่งของ หรือผลประโยชน์เพื่อแลกคะแนนเสียง  ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ

ส่วนการเลือกตั้งเทศบาลที่ผ่านมายังไม่จบง่ายๆ หลายพื้นที่ยังมีเรื่องร้องเรียนต่อเนื่อง โดยที่ปทุมธานี นายชณัฐ รานุรักษ์ ประธานอำนวยการลูกปทุมต้นแบบต้านโกง ได้ยื่นเอกสารพร้อมหลักฐานเป็นภาพนิ่งและ ภาพวิดีโอ การกระทำที่เข้าข่ายทุจริตการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีและ สมาชิกสภาเทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ทั้งการ ใช้รถหลวงขนคนไปลงคะแนนการซื้อเสียงหน้าหน่วยมามอบ  ให้กับกกต.ปทุมธานี และขอให้ช่วยตอบข้อสงสัยว่า การที่ที่มีนักการเมืองเกี่ยวข้องกับผู้สมัครไปทำสัญลักษณ์มือเป็นหมายเลขรวมถึงการยืนให้สัมภาษณ์คล้ายลักษณะหาเสียงในหน่วยเลือกตั้งนั้นเป็น สิ่งที่กระทำนั้นสามารถทำได้ หรือไม่ เพราะว่าถ้าสามารถทำได้ทั่วประเทศจากนี้ไปจะได้ทำเพราะอาจเป็นการเหลื่อมล้ำกันระหว่างผู้สมัครที่ไม่มีชื่อเสียงกับมีชื่อเสียง

นายชณัฐ รานุรักษ์ ประธานอำนวยการลูกปทุมต้นแบบต้านโกง กล่าวว่า มีประชาชนพบการทุจริต การเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ซึ่งอาจอันเป็นการเอื้อหรือช่วยเหลือ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น โดยการใช้รถทางราชการขนคนไปเลือกตั้ง และการจ่ายเงินให้กับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งที่บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี นอกจากนี้ ยังมีพยานบุคคล ที่ได้รับฟังสิ่งที่อดีตนายกเทศมนตรี พูดออกสื่อทางโทรทัศน์ และสื่อโซเชียลมีเดียพิจารณาแล้วเห็นว่า อาจเข้าข่ายโน้มน้าว ชักจูง ให้คนที่ได้รับฟังคำพูด และยังไม่ได้ไปใช้สิทธิ เลือกตั้ง ให้ไปลงคะแนนเลือกบุคคลที่พูดถึง

นอกจากนี้  นายชณัฐ รานุรักษ์ ประธานอำนวยการลูกปทุมต้นแบบต้านโกง ยังฝากถึง กกต.ปทุมธานี ควรวางบรรทัดฐาน ให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันทั้งประเทศ อย่างเช่น 1.ผู้ที่เป็นนักการเมือง หรือ อดีตนักการเมืองมีลักษณะพฤติกรรมออกมาหาเสียงในวันเลือกตั้ง ด้วยพฤติกรรมชูสัญลักษณ์ หมายเลข ของผู้สมัครบริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งผู้สมัครคนดังกล่าวมีความสัมพันธ์ กับ นักการเมือง อดีตนักการเมือง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง สามารถทำได้หรือไม่

2.การให้สัมภาษณ์สื่อในบริเวณใกล้หน่วยเลือกตั้งแล้ว พูดถึง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลบางท่าน และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลธัญบุรีบางท่าน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ นักการเมือง อดีตนักการเมือง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง สามารถทำได้หรือไม่ ถ้าทั้ง 2 ข้อนี้สามารถทำได้ ตนเองเชื่อว่าจะมี นักการเมือง อดีตนักการเมือง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง ออกมาปฏิบัติตามกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะไม่เป็นธรรมกับผู้สมัครท่านอื่นๆ ที่หาเสียงอย่างเป็นธรรม จึงขอให้ทางกกต. สรุปมาให้เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้ปฏิบัติให้เท่าเทียมกันทั่วประเทศ

ทั้งนี้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการสรุปข้อมูลการใช้สิทธิเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ และเทศบาลที่ต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายกเทศมนตรี จำนวน 2,128 แห่ง จำนวน 16,242,865 คน มาใช้สิทธิ 10,363,490 คน คิดเป็น ร้อยละ 63.80 บัตรดี 9,446,577 ใบ คิดเป็น ร้อยละ 91.15 บัตรเสีย 391,539 ใบ คิดเป็น ร้อยละ 3.78บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 525,349 ใบ คิดเป็น ร้อยละ 5.07

ผู้มีสิทธิสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 2,462 แห่ง จำนวน 18,889,679 คน มาใช้สิทธิ 11,886,752 คน คิดเป็น ร้อยละ 62.93 บัตรดี 10,884,080 ใบ คิดเป็น ร้อยละ 91.56 บัตรเสีย 456,214 ใบ คิดเป็น ร้อยละ 3.84 บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 546,456 ใบ คิดเป็น ร้อยละ 4.60 โดยจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนายกเทศมนตรี มากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1. พัทลุงคิดเป็น ร้อยละ 81.89 2. ปราจีนบุรี คิดเป็น ร้อยละ 78.82 3. ฉะเชิงเทราคิดเป็น ร้อยละ 76.17 ,4. ลำพูน คิดเป็น ร้อยละ 75.29 ,5. มุกดาหาร คิดเป็น ร้อยละ 74.59 ,6. กระบี่ คิดเป็น ร้อยละ 73.69 ,7. ราชบุรี คิดเป็น ร้อยละ 73.45 ,8. อ่างทอง คิดเป็น ร้อยละ 73.38 ,9. นครนายก คิดเป็น ร้อยละ 73.33 ,10. ชัยนาท คิดเป็น ร้อยละ 71.89

จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล มากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1. พัทลุง คิดเป็น ร้อยละ 81.21 2. ลำพูน คิดเป็น ร้อยละ 74.99 3. ปราจีนบุรี คิดเป็น ร้อยละ 74.91 4. มุกดาหาร คิดเป็น ร้อยละ 74.57 5. กระบี่ คิดเป็น ร้อยละ 73.51 6. นครนายก คิดเป็น ร้อยละ 72.53 7. ชัยนาท คิดเป็น ร้อยละ 71.80 8. ฉะเชิงเทรา คิดเป็น ร้อยละ 71.68 9. เลยคิดเป็น ร้อยละ 71.06 10. ราชบุรี คิดเป็น ร้อยละ 70.94

นอกจากนี้ มี 11 เขตเลือกตั้งใน 9 จังหวัด ที่ต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งเทศบาลใหม่ในวันที่ 22 มิ.ย.68 แบ่งเป็น 2 เขต ที่ต้องเลือกนายกเทศมนตรีใหม่เพราะมีผู้สมัครคนเดียว แต่ได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด ตามที่ มาตรา111พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น2562 กำหนดคือ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จ.นคร ปฐม และนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าสัก อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์

ขณะที่อีก 9 เขตเลือกตั้งเป็นการเลือกสมาชิกสภาเทศบาลเพิ่มเติม โดยที่ต้องเลือกเพราะสมัครน้อยกว่าจำนวนที่พึงมี 5 คน เลือกตั้งเพิ่ม 1 คนประกอบด้วย 1.เขตเลือกตั้งที่ 1เทศบาลตำบลปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ 2. เขตเลือกตั้งที่ 2 เทศบาลตำบลไร่ใหม่ อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3. เขตเลือกตั้งที่ 2 เทศบาลตำบลกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 4. เขตเลือกตั้งที่ 1 เทศบาลตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 5.เขตเลือกตั้งที่ 2 เทศบาลตำบลบ้านท่าหลวง อำเภอท่าหลวงจังหวัดลพบุรี 6.เขตเลือกตั้งที่ 2 เทศบาลตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 7.เขตเลือกตั้งที่ 1 เทศบาลตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด 8.เขตเลือกตั้งที่ 2 เทศบาลเมืองพระประแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 9.เขตเลือกตั้งที่ 2 เทศบาลตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ซึ่งเขตนี้มีผู้สมัครมากกว่าจำนวนที่พึงมี 8 คน แต่ได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด จึงต้องเลือกตั้งใหม่ 2 คน