วันที่ 30 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ที่มี มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาญัตติขอให้เลื่อนชะลอการตั้งองค์กรอิสระ ต่อมา นางประทุม วงศ์สวัสดิ์ สว.กล่าวว่า เรามาตั้งสติกันหน่อยดีไหม สบายๆ เดี๋ยวความดันจะขึ้น ยอมรับว่าอึดอัดนิดหน่อย เนื่องจากญัตตินี้สำคัญ เพราะอยู่ในความสนใจของสาธารณชน และมีผลกระทบต่อหลักนิติธรรมของบ้านเมือง นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องปฏิทิน หรือการกำหนดเวลา แต่เป็นเรื่องของหลักการ ความชอบธรรม และความไว้วางใจของประชาชน ต่อกลไกการตรวจสอบอำนาจรัฐ หากมีการเลื่อนการแต่งตั้งโดยไม่มีเหตุผลอันควรจะสร้างภาพข้อสงสัยถึงความไม่เป็นกลางขององค์กร เปิดช่องให้ใช้อำนาจต่อบุคคลที่ครบวาระอาจดำรงตำแหน่งต่อไปในลักษณะรักษาการ ซึ่งจะลดทอนความน่าเชื่อถือ และอาจขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้เกิดการหมุนเวียนและถ่วงดุลอย่างมีระบบ ดังนั้น ข้อเสนอของตน คือหากจะเลื่อนควรมีอย่างชี้แจงต่อสาธารณชนอย่างชัดเจน และมีเหตุผลตามหลักนิติธรรม มีการกำหนดกรอบเวลาใหม่ที่แน่นอนและโปร่งใส เพราะการชะลอการแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ควรเป็นเรื่องที่กระทำโดยง่าย หรือมีเหตุผลทางการเมือง แต่ต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เคารพหลักการประชาธิปไตย และยึดมั่นในความเป็นอิสระขององค์กรตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง

นางประทุม กล่าวต่อว่า วันนี้จะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ขอให้ท่านใช้ดุลพินิจอย่างกล้าหาญ ถ้าจะเลื่อนท่านไม่ต้องกลัว ไม่จำเป็นจะต้องเอาคดีความ หรืออะไรต่างๆ มาเป็นเครื่องตัดสิน เราต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง หรือถ้าจะไม่เลื่อน ก็ต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง เช่นกัน เพราะเรื่องคดีความที่ถูกกล่าวหา ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ตามกระบวนการ และเชื่อว่าหลายท่านจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้อย่างแท้จริง ขอให้ทุกท่านวางใจเป็นกลาง ถ้าเราบอกเรามาทำเพื่อประชาชน สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน เราเลื่อนไปก่อนก็ไม่เสียหายอะไร ต้องมาดูว่าผิดข้อกฎหมายหรือไม่ ถ้าจะเลื่อนก็ไม่ต้องสนใจว่าจะมีคดีความ หรือจะมีใครมานับเสียงคะแนนจากเรา หรือจะเช็คเสียงว่าใครเป็นมิตรแท้หรือศัตรูถาวรกับเราบ้าง ไม่ต้องสนใจ

"วันนี้เราจะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกัน ว่าเราจะคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ที่เขามองเราอยู่ วันนี้จะเป็นวันที่พิสูจน์ใจเราเอง ขอเรียกร้องให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณ เพราะดิฉันยังสงสัยว่าหากเราไม่เลื่อนวันนี้ ไม่ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น เราไม่ต้องกังวลก็ได้หรือไม่ เพราะการเลือกองค์กรอิสระต่างๆ เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าคนที่เราเลือกเข้าไป เขาจะอยู่ใต้อำนาจนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ทำไมเราจึงไปสบประมาทเขาเหล่านั้น เพราะดิฉันยังเชื่อมั่นว่า คนที่ถูกเลือกผ่านการสรรหามา อย่างน้อยต้องมีดีเอ็นเอ มีจิตใจที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าผลวันนี้จะออกมาในรูปแบบไหน จะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ดิฉันก็ยังเคารพการตัดสินใจของท่าน" นางประทุม กล่าว

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวชื่นชมนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาที่ได้เลื่อนวาระดังกล่าวเป็นลำดับแรก เนื่องจากปัจจุบันมี สว.มากกว่าครึ่งหนึ่งถูกตรวจสอบเรื่องความโปร่งใส และความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ สว.ทั้งยังมี สว.ร้องเรียนตอบโต้การตรวจสอบไปยังองค์กรอิสระอื่นด้วย ถ้าเราพิจารณาเรื่องตัวบทกฎหมาย เป็นจริงอย่างที่กล่าวไว้ว่าไม่มีกฎหมายห้ามการปฎิบัติหน้าที่ของ สว.แต่ถ้านำประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาประกอบการพิจารณาจะพบว่า สว.มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบต่อองค์กรอิสระ แต่ในระหว่างที่ สว.จำนวนเกือบครึ่งหนึ่งกำลังถูกตรวจสอบ ซึ่งอาจจะเป็นการขัดจริยธรรมหรือขัดผลประโยชน์  เรื่องนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบระมัดระวังบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม  แม้จะถูกกฎหมายแต่ก็อาจไม่ชอบธรรม ตามหลักนิติธรรมทุกท่านคือ ผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เราจะแสดงต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาเสมือนผู้กระทำผิดไม่ได้ แต่เมื่อมาชั่งน้ำหนักการปฎิบัติหน้าที่และการรักษาความชอบธรรมเพื่อปกป้องประโยชน์ของสาธารณะ เราอาจต้องยอมสละสิทธิหรือหน้าที่บางอย่าง เพื่อรักษาภาพใหญ่ของระบบยุติธรรมคือ หลักความโปร่งใส ถูกต้อง และความชอบธรรม ในประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังระบุไว้ว่านักการเมืองจะต้องไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม สว.บางท่านอาจจะกังวลว่าหาก สว.ไม่ให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระจะสร้างความเสียหาย ทำให้ถูกกล่าวหาว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เราไม่ควรกังวล เพราะแม้ สว.จะไม่ให้ความเห็นชอบแต่องค์กรอิสระยังคงปฎิบัติหน้าที่ได้อยู่

“ดิฉันขอชื่นชมความกล้าหาญของ สว.ที่ได้รับเลือกเป็นคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ของผู้ที่จะได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ  ซึ่งตัดสินใจลาออก โดยกังวลว่าจะเป็นการขัดกันของผลประโยชน์และให้มีการแต่งตั้งกรรมการสามัญเพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติแทน เช่นเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหยุดปฎิบัติหน้าที่ในส่วนที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ เราจึงควรใช้หลักการในทำนองเดียวกัน การชะลอให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระจนกว่า กกต.หรือศาลจะมีคำสั่งเกี่ยวกับ สว.ถือเป็นการป้องกันการขัดกันของผลประโยชน์ แสดงให้เห็นถึงสำนึกของความรับผิดชอบของ สว.ต่อสังคมและเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ”นางอังคณา กล่าว

ขณะที่พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. กล่าวว่า ตน และสว.ส่วนหนึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าข้อกล่าวหาของ กคพ. พิจารณาเมื่อ 6 มี.ค.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาจริยธรรม เพราะการดำเนินการไม่สุจริต ถือว่าปกป้องสิทธิของสว. ทั้งนี้เชื่อว่า ดีเอสไอไม่หยุด และเมื่อเรื่องเข้าสู่คณะอนุกรรมการสอบสวนฯ คณะที่26 ซึ่งพบว่ามีคนของดีเอสไอ3คนร่วมอยู่ด้วย จึงเชื่อได้ว่า จะนำสำนวนการสอบสวนทีดีเอสไอดำเนินการต่อไม่ได้หรือทำไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งตนและสว. ยินดีไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่จากการเรียก สว. ไปรับทราบข้อกล่าวหา พบว่าข้อกล่าวที่แจ้งนั้นเครือบคลุมไม่ชัดเจน หรือไม่สามารถให้รายละเอียดข้อเท็จจริงตามที่กล่าวหาได้

“คนที่ตั้งคำถามหรือแจ้งพฤติการณ์การกระทำผิดตอบคำถามไม่ได้ ผมได้นั่งคุยกับคณะสอบสวนชุดนี้แต่เขาก็ตอบไม่ได้ ผมจึงขอความเป็นธรรมกับประธาน กกต. แล้ว และจากที่รับทราบจากการไปให้ข้อมูลของสว. เป็นไปลักษณะเดียวกัน ไม่รู้ตอบประเด็นไหนที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นการกล่าวหาที่เรียกไปรับทราบนั้นไม่ชอบ หวังผลประการใดประการหนึ่งจงใจเพื่อใหได้รับความเสียหาย” พล.ต.ฉัตวรรษ กล่าว