สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ออกคำสั่งสอบเจ้าหน้าที่รายบุคคลและหาคนรับผิดชอบรู้เห็นเบิกเงินกู้ครูสาว 1.6 ล้านบาท ระบุหากพบให้ดำเนินคดีทางอาญาและแพ่ง ขณะที่ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด เตรียมนำเรื่องเยียวยาเบื้องต้นยกเลิกสัญญาเงินกู้ครูสาวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแล้ว จากกรณีนางเยาวลักษณ์ ภูชุม อายุ 34 ปี ครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางไสว บรรลือเสียง อายุ 60 ปี มารดา เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด แต่ถูกนายหน้าที่เป็นข้าราชการครูหญิงเรียกเก็บค่าดำเนินการ 13 เปอร์เซ็นต์ และปลอมเอกสารเบิกเงินไปจำนวน 1,580,300 บาท โดยมีชื่อรองปลัดเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งเป็นผู้เบิกเงิน กระทั่งนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยเบื้องต้นสำนักงานสหกรณ์จังหวัดตรวจพบข้อบกพร่องหละหลวมไม่ปฏิบัติตามระเบียบและขัดกับข้อบัง พร้อมสั่งให้แก้ไขภายใน 30 วันตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณชัย ภูครองทอง สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะรองนายทะเบียน กล่าวว่า ด้วยคณะผู้ตรวจสหกรณ์ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ชุดที่ 1 ได้รายงานผลการตรวจสอบกิจกการและฐานะการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด กรณีการร้องเรียนของนาเยาวลักษณ์ ภูชม เรื่องการกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์แต่ไม่ได้รับเงินกู้ พบว่า การอนุมัติเงินกู้ให้แก่สมาชิกไม่เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการให้เงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ พ.ศ.2552 โดยมีการจัดทำรายละเอียดเงินเดือนไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง คือ รายละเอียดของเงินเดือนของผู้ร้องจะต้องออกจากอบจ.กาฬสินธุ์ ที่เป็นต้นสังกัด และต้องมีเจ้าหน้าที่การเงินของอบจ.เป็นผู้รับรอง แต่ในกรณีดังกล่าวผู้ร้องใช้รายละเอียดเงินเดือนที่มีการรับรองโดยโรงเรียนต้นสังกัด ซึ่งเป็นผู้ไม่มีอำนาจรับรอง ทั้งนี้ในกรณีการคำนวณเงินกู้ข้องผู้ร้อง โดยเจ้าหน้าที่สินเชื่อพบว่า มีการคำนวณวงเงิน โดยไม่ได้ตรวจสอบเอกสารที่ใช้ประกอบในการคำนวณวงเงินกู้อย่างละเอียดรอบครอบ ทำให้ได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง และมีการนำเสนอตามขั้นตอนต่อผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการ ประกอบกับขั้นตอนการอนุมัติเงินกู้ของสหกรณ์ฯขาดการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารการขอกู้ในแต่ละขั้นตอน อีกทั้งการอนุมัติเงินกู้ของสหกรณ์ ไม่ได้ใช้องค์คณะในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ แต่กลับให้อำนาจกรรมการเวรปฏิบัติงานประจำวันทำหน้าที่ในการอนุมัติแทน นอกจากนี้กรณีการเบิกจ่ายเงินกู้ของสหกรณ์ฯก็พบว่าเจ้าหน้าที่สหกรณ์ไม่ได้ตรวจสอบเอกสารการขอถอนเงินโดยละเอียดว่ามีความครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ทำให้สมาชิกมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย นายรณชัย กล่าวต่อว่า ดังนั้นทางสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลและเป็นรองนายทะเบียนจึงได้มีหนังสือคำสั่งฉบับที่ 2 ให้คณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด แก้ไขข้อบกพร่อง โดยให้คณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบเอกสารการขอกู้ ซึ่งหากปรากฏว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จ หรือมีส่วนร่วมในการกระความผิดของผู้ร้องให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม และฐานฉ้อโกง รวมทั้งการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการหาผู้รับผิดชอบ โดยจะต้องดำเนินการตรวจสอบว่าการรับคำขอกู้และการคำนวณวงเงินกู้ เจ้าหน้าที่คนใดเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็น หรือร่วมมือในการกระทำความผิดจะต้องพิจารณาลงโทษทางวินัย และดำเนินคดีตามฐานความผิด นายรณชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางสหกรณ์ฯจะต้องดำเนินการตรวจสอบการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนอีกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบแต่ละคนตามลำดับการตรวจสอบคำข้อกู้ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารที่นำเสนอหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีความบกพร่องในการปฏิบัติงาน ให้ดำเนินการลงโทษทางวินัยและรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และหากพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งแพงและอาญาด้วย อย่างไรก็ตามคณะกรรมการจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเบิกถอนเงินให้แก่บุคคลอื่น โดยขาดความรอบรอบ ซึ่งหากพบมีความผิดให้ดำเนินการวินัยและหาผู้รับผิดชอบ โดยคณะกรรมการจะต้องดำเนินการทั้งหมดให้แล้วเสร็จและรายงานผลภายใน 15 วัน ด้านนางสุวคนธ์ ผ่านสำแดง ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทางสหกรณ์ฯได้รับทราบเรื่องที่ครูเยาวลักษณ์เข้ามาเรียกร้องขอความเป็นธรรมว่าไม่ได้รับเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งทางสหกรณ์ฯได้มีการดำเนินการตามขั้นตอน โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้เบื้องต้นทางสหกรณ์ฯจะดำเนินการเยียวยา โดยนำเรื่องการพิจารณาเงินกู้ของนางเยาวลักษณ์เข้าที่ประชุมของคณะกรรมการ เพื่อที่จะขอมติในการกรณีดังกล่าว โดยการการยกเลิกสัญญาเงินกู้ของครูเยาวลักษณ์ โดยไม่ต้องเป็นหนี้กับทางสหกรณ์ฯ และจะดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทั้งเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกที่เข้ามาหาผลประโยชน์ สำหรับในส่วนของระเบียบและข้อบังคับต่างๆที่ทางสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ และหลายๆหน่วยงานให้คำแนะนำก็จะมีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามขณะที่ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ จ.กาฬสินธุ์ ที่นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์มีคำสั่งแต่งตั้งขึ้นมา โดยมีนายวีระศักดิ์ ศรีโสภา รองผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธาน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและรวบรวมเอกสารหลักฐานไปจนเกือบจะครบและคืบหน้าไปมากแล้ว ยังเหลือเพียงการสอบปากคำข้าราชการครูหญิง ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกร้องว่าเป็นนายหน้าและร่วมกันปลอมเอกสารเบิกเงินกู้และผู้ที่เกี่ยวข้องบางอีกบางส่วน จึงจะเสร็จสิ้นกระบวนการ โดยกระบวนการทั้งหมดทางคณะกรรมการจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนที่จะมีการสรุปผลสอบในเร็วๆนี้