ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 มอบหมายให้นายชวลิต สุราราช ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำยม พร้อมตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และความพร้อมของระบบระบายน้ำในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ประตูระบายน้ำบางแก้ว, ท่านางงาม, ท่าแห และ DR2.8  เพื่อประเมินสถานการณ์ และเตรียมการรองรับมวลน้ำจากต้นน้ำแม่น้ำยมที่กำลังไหลผ่านจังหวัดสุโขทัยลงสู่จังหวัดพิษณุโลก

จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่า ระบบระบายน้ำโดยรวมยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเจ้าหน้าที่ประจำประตูระบายน้ำแต่ละแห่งได้ดำเนินการเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์และเครื่องจักรกลไว้รองรับหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินนอกจากนี้ ยังได้กำชับให้แต่ละโครงการเร่งจัดทำแผนเผชิญเหตุในระดับพื้นที่ และเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในชุมชนโดยรอบได้รับทราบสถานการณ์ล่าสุดอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ จากรายงานเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 พื้นที่ต้นน้ำได้รับอิทธิพลจากฝนตกหนัก ทำให้สถานีเฝ้าระวังน้ำ Y14 (อำเภอศรีสัชนาลัย) วัดปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดได้ถึง 305 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปัจจุบันอัตราการไหล 240 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังมีคงแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำในโครงข่ายลุ่มน้ำยม–น่าน ได้ดำเนินการระบายน้ำผ่าน ประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ ในอัตราไม่เกิน 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรองรับปริมาณน้ำจากต้นน้ำที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง   การระบายน้ำดังกล่าว ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายประตูเพิ่มสูงขึ้น โดยที่มวลน้ำจะใช้เวลาเคลื่อนตัวประมาณ 26 ชั่วโมง ถึงประตูระบายน้ำวังสะตือ ในเขตจังหวัดพิษณุโลก

โดย สำนักงานชลประทานที่ 3 ได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการในลุ่มน้ำยม โดยเฉพาะประตูระบายน้ำสายหลัก และ ปตร.DR2.8 เตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เครื่องจักร และระบบระบายน้ำ เพื่อ ป้องกันผลกระทบจากน้ำล้นคัน ที่อาจกระทบต่อพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มต่ำ   พร้อมกันนี้ ได้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และหากพบสถานการณ์เสี่ยงน้ำท่วม ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทันที  กรณีพบจุดเสี่ยง หรือมีความต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ตลอด 24 ชั่วโมง