คนขับรถแบคโฮตักดินและกอวัชพืชปรับพื้นที่ ถึงผงะโทรแจ้งตำรวจแทบไม่ทัน!! เจอศพลอยคว่ำหน้าขึ้นอืดอยู่ในคลองท่าสารที่กาญจน์

เมื่อเวลา 10.26 น. วันที่ 29 พ.ค.68 พ.ต.ต.ศักรืนทร์ แสงเจริญ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ฯ ว่าได้รับแจ้งจากคนขับรถแบคโฮว่า ขณะขับรถตักดินตักกอวัชพืชอยู่บริเวณริมคลองท่าสารใต้สะพานข้ามทางรถไฟ หมู่ 3 ต.ตะคร้ำเอนฯ แล้วพบศพผู้เสียชีวิตลอยขึ้นอืดคว่ำหน้าอยู่ในคลองฯ เวลานี้

หลังรับแจ้ง จึงรายงานให้ผู้บัวคับบัญชาทราบเรื่อง จากนั้นจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบจุดที่พบศพ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.มะการักษ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรีให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ เมื่อไปถึงพบว่าเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพ-กู้ภัยของมูลนิธิขุนรัตนาวุธ มายืนรอทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจอละแพทย์ในการชันสูตรพลิกศพ จึงได้สั่งการให้นำศพขึ้นมาให้แพทย์ชันสูตร โดยที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครต้อง้ดินเท้าอ้อมลงไปตามริมฝั่งคลองท่าสารเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตที่อยู่ในสภาพศพไม่สวมเสื้อสวมกางเกงขายาวเพียงตัวเดียว ศพอยู่ในสภาพกำลังเน่าเปื้อยส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณขึ้นมาจากน้ำ

มีรายงานข่าวว่า ขณะที่แพทย์และตำรวจร่วมกับอาสาสมัครกู้ชีพ-กู้ภัยของมูลนิธิฯ กำลังชันสูตรพลิกศพอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ พฐ.ได้เดินตรวจเก็บหลักฐานที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ตายรายนี้อย่างละเอียด ได้มีหญิงชราพร้อมลูกชายและญาติๆ ที่ทราบข่าวว่ามีคนพบศพผู้เสียชีวิติอยู่ในคลองท่าสารซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้าน จึงเดินทางมาดู ถึงกับร้องไห้โฮ ยืนยันกับตำรวจว่า ศพที่พบคือ นายสนธยา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 71 ปี สามี ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่เกษียณอายุออกมาตั้งหลายปีแล้ว ปกติสามีเริ่มมีอาการขี้หลงขี้ลืม ชอบเดินเล่นออกจากบ้าน มื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา สามีได้หายออกจากบ้านไป ไม่สามารถติดต่อสามีได้ จึงไปแจ้งความคนหายที่ สภ.ท่าเรือไว้

เบื้องต้นจากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ไม่สามารถบอกสาเหตุของการเสียชีวิตได้ เนื่องจากตามร่างกายไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย ลงความเห็นว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5-7 วัน จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพส่งแผนกนิติเวช รพ.ศูนย์นครปฐม เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป