ฝนหลวงฯ เตรียมรับมือร่องลมมรสุม พร้อมสั่งปรับแผนเคลื่อนทัพเครื่องบิน ช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง

​วันที่ 29 พ.ค.68 นายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมากรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีการเปิดการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง เติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ สร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ โดยจากสภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 29 พฤษภาคม - 4 มิถุนายน 2568 อิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงตกหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องหลายพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้ปิดหน่วยการปฏิบัติการฝนหลวง จ.แพร่ จ.อุบลราชธานี จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 และในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 จะเริ่มปิดหน่วยฯ จ.พิษณุโลก หน่วยฯ จ.หนองบัวลำภู และหน่วยฯ จ.เชียงใหม่ หลักจากนั้นจะเคลื่อนย้ายเครื่องบินไปประจำการ ช่วยเหลือพื้นอื่นๆ ที่มีความต้องการน้ำ 

โดยขณะนี้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั้งสิ้น 9 หน่วยฯ ได้แก่ หน่วยฯ จ.เชียงใหม่ โดยชุดอุปกรณ์พ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆ 1 ชุด หน่วยฯ พิษณุโลก โดยเครื่องบิน Casa จำนวน 2 ลำ หน่วยฯ จ.ลพบุรี โดยเครื่องบิน Casa จำนวน 2 ลำ หน่วยฯ จ.กาญจนบุรี โดยเครื่องบิน Caravan จำนวน 3 ลำ หน่วยฯ จ.หนองบัวลำภู โดยชุดอุปกรณ์พ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆ  1 ชุด หน่วยฯ จ.นครราชสีมาโดยเครื่องบิน CN จำนวน 1 ลำ Casa จำนวน 2 ลำ AU-23 (ทอ.) จำนวน 2 ลำ เครื่องบิน Super King Air จำนวน 1 ลำ หน่วยฯ จ.สระแก้ว โดยเครื่องบิน Caravan จำนวน 3 ลำ หน่วยฯ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเครื่องบิน Caravan จำนวน 4 ลำ และหน่วยฯ จ.เพชรบุรี โดยชุดอุปกรณ์พ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆ 1 ชุด สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ประชุมวางแผนบินปฏิบัติการ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้งเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ สร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ โดยจะปรับแผนปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป ให้มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 6 หน่วยฯ ประกอบด้วย หน่วยฯ จ.ลพบุรี หน่วยฯ จ.กาญจนบุรี หน่วยฯ จ.นครราชสีมา หน่วยฯ จ.สระแก้ว หน่วยฯ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยฯ จ.เพชรบุรี เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรที่มีความต้องการน้ำ

อย่างไรก็ตามการปฏิบัติการฝนหลวง ในระยะนี้ กรมฝนหลวงฯ ยังคงเน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ในแต่ละพื้นที่ ติดตาม ประเมินสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และยังคงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิบัติการฝนหลวง ผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊กกรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, Tiktok, X ; @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100-18