วันที่ 29 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569  วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 2 ต่อมานายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า กรณีที่สส.บางคนเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายงบประมาณไปปรับปรุง ไม่สามารถทำได้เพราะจะไม่ทันรอบการใช้งบประมาณ ทั้งนี้การพิจารณาปรับแก้ ปรับเปลี่ยนมีความยืดยุ่นเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นประเทศไทยมีความยืดยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

“สมมติฐานที่เป็นห่วง เห็นอยู่ แต่จากที่เห็นตามตัวอย่างที่ผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายวานนี้ พบว่าสมมติฐานนั้นไม่ถูกต้อง เพราะศาลของสหรัฐชะลอการดำเนินการมาตรการภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งขณะนี้นายกฯ ได้หารือกับทีมที่บ้านพิษณุโลก แต่หากถามผมก็ตอบไม่ได้ เพราะต้องวิเคราะห์ข้อมูล ดังนั้นต้องพิจารณา หากไปถึงชั้นกรรมาธิการจะเสนอความคิดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศ รัฐบาลไม่ติดขัด” นายจุลพันธ์ ชี้แจง

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายว่าประเทศไทยจะกลายเป็นรัฐล้มเหลวและถูกนำไปขยายความ ตนขอชี้แจงว่าประเทศไทยไม่ใกล้เคียงกับรัฐล้มเหลว  เพราะไม่มีสงครามกลางเมือง รัฐบาลควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ครบถ้วน ไม่มีการบุกรุกพื้นที่ชายแดน กรอบอาณาบริเวณของความเป็นรัฐไม่เกิด ตนทราบว่าท่านทราบดีว่าไม่ใช่ และไม่ใกล้เคียง แต่เป็นโวหารทางการเมือง แต่เมื่อสื่อสารและถูกนำไปเล่น ควรรับผิดชอบในการใช้คำ ท่านไม่ชอบรัฐบาลได้ แต่ต้องรักษาประเทศ

“การสะท้อนมุมมองเชิงลบ ที่ใช้ในรัฐสภา ทำให้มุมมองต่อประเทศไทยเป็นไปในเชิงลบ ทั้งผม และท่าน และที่คนเรียนรัฐศาสตร์ก็รู้ไม่ใกล้เคียงเลย  ผมขอยืนยันไม่มี คำๆ นี้ ท่านไม่ชอบรัฐบาลได้ แต่อย่าใช้คำว่ารัฐล้มเหลว เพราะไม่ใช่และใกล้เคียงเลย” นายจุลพันธ์ กล่าว