ปัจจุบัน ปี 2568 เป็นเวลา 40 ปี ที่ กทม.ใช้ พ.ร.บ.กรุงเทพ 2528 มาตลอด ที่ผ่านมามีการแก้ไขบางมาตรา แต่ยังไม่เคยแก้ไขทั้งฉบับได้ วันนี้ กทม.มีความมุ่งหมายที่จะแก้ พ.ร.บ. ดังกล่าวทั้งฉบับ เพื่อให้การบริหารมิติต่าง ๆ สอดรับกับบริบทและสภาพพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เปลี่ยนแปลงไป

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวแนวทางการแก้ พ.ร.บ.กรุงเทพ 2528 ว่า จุดมุ่งหมายสำคัญคือ การเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานรัฐ พื้นที่ความรับผิดชอบ อำนาจในการจัดการ รวมถึงงบประมาณต่าง ๆ เช่น การจัดการปัญหาด้านการจราจร ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของกรุงเทพฯ กทม.มีอำนาจจำกัดในด้านนี้ เนื่องจากพื้นที่การจราจรของกรุงเทพฯ มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบ เช่น กรมการขนส่งทางบก ตำรวจ รวมถึงบางพื้นที่ต้องร่วมมือกับภาคเอกชนเจ้าของพื้นที่ ขณะเดียวกัน ปัญหาการจราจรก็ยังส่งผลต่อปัญหาอื่น เช่น ฝุ่น PM2.5 เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐและเอกชนหลายด้าน เช่น การก่อสร้าง รถบรรทุก มลพิษ สิ่งแวดล้อม โรงงานอุตสาหกรรม ระบบขนส่งสาธารณะ และการบังคับใช้กฎหมายจราจร ซึ่ง กทม.ไม่มีอำนาจจัดการทั้งระบบอย่างทั่วถึง การแก้ พ.ร.บ. จึงมุ่งหวังให้มีการประสานงานได้เร็วขึ้น ลดขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไขอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่าง เรื่องที่คงค้างในระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ กทม.ต้องส่งต่อหน่วยงานอื่น เพราะไม่มีอำนาจดำเนินการ จึงต้องประสานและรอดำเนินการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ เป็นต้น

ปัจจุบัน กทม.อยู่ระหว่างเริ่มต้นแก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าว โดยการเปิดเว็บไซต์ 2528.bangkok.go.th เพื่อให้ประชาชนเข้าไปแสดงความเห็น เสนอปัญหาและแนวทางแก้ไข ล่าสุดมีผู้เสนอความเห็นกว่า 15,000 ความเห็น ซึ่ง กทม.จะนำความเห็นทั้งในเว็บไซต์ และเวทีชุมชนในเขตต่าง ๆ มารวบรวม คัดกรอง เพื่อประกอบร่าง พ.ร.บ.ฉบับแก้ไข เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยกำหนดเวลาในขั้นตอนนี้ไม่เกินเดือน มิ.ย.68 จากนั้นจะนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมาทำประชาพิจารณ์โดยร่วมกับชุมชน สื่อมวลชน ต่อไป

“เชื่อว่างานนี้ไม่ใช่เรื่องของกทม. แต่เราจะอยู่กับกฎหมายที่เขียนเมื่อ 40 ปีที่แล้วต่อไปไม่ได้แล้ว เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวันนี้ จะเปลี่ยนได้หรือไม่ได้ อำนาจอยู่ที่สภาใหญ่ ต้องอาศัยแรงพวกเราทุกคน วันนี้มีตัวแทนชุมชนและประชาชนมาร่วมให้ความเห็นแล้ว ยังมีอีกหลายกระบวนการที่ต้องทำ” นายศานนท์ กล่าว

ด้าน นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า เรื่องหนึ่งที่สำคัญในการแก้ไข พ.ร.บ.ทั้งฉบับ คือ การปรับโครงสร้างบุคลากรให้เชื่อมโยงกับประชาชนและชุมชนมากขึ้น เพิ่มบุคลากรให้สอดคล้องกับภาระหน้าที่และจำนวนประชากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยช่องทาง 2528.bangkok.go.th หรือเว็บไซต์หลัก จะเน้นนำเสนอข้อมูลเบื้องต้นแก่ประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจสาเหตุของแต่ละปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ พร้อมช่องทางแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะปัญหาโครงสร้างราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำ ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมดของคนกรุงเทพฯ ยกตัวอย่าง ข้าราชการการเมืองมีรองผู้ว่าฯ ไม่เกิน 4 คน แต่ละคนต้องดูแล 5-8 หน่วยงาน และมีตำแหน่งผู้ช่วยเลขาฯ (ทีมงาน) ได้ไม่เกิน 4 คน ทำให้ไม่สอดคล้องกับภาระงานจริง รวมถึง ข้าราชการประจำมีระบบผู้บริหารหลายชั้น ตั้งแต่ ผอ.ส่วน ผอ.สำนักงาน รอง ผอ.สำนัก ผอ.สำนัก ผู้ช่วยปลัด รองปลัด และปลัด ทำให้การขับเคลื่อนงานล่าช้า แนวทางแก้ไขคือ ปรับโครงสร้างข้าราชการการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติให้มีสัดส่วนที่ปรึกษา รองผู้ว่าฯ และผู้ช่วยทำงานให้เหมาะสมกับเนื้องาน

รวมถึงเรื่องการแก้ฝุ่น PM2.5 และปัญหามลพิษอย่างยั่งยืนไม่ได้ เนื่องจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องมลพิษและความยั่งยืนของกรุงเทพฯ กทม. มีอำนาจดูแลได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ยกตัวอย่าง การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 รถควันดำ กทม. มีอำนาจกำกับดูแลเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ แต่ไม่มีอำนาจในการควบคุมรถขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุกหรือรถโดยสาร ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรฯ ส่วนโรงงานอุตสาหกรรม กทม. มีหน้าที่ตรวจสอบด้านสุขลักษณะเท่านั้น ส่วนการควบคุมมลพิษจะอยู่ในการดูแลของกรมโรงงาน อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ทำให้ กทม. ไม่สามารถจัดการกับต้นตอของมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวทางแก้ไขคือ เพิ่มอำนาจให้ กทม. กำกับดูแลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน เช่น การใช้พลังงานและทรัพยากร การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ซึ่งแนวทางแก้ไขที่เสนอแนะ ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ หรือมีแนวทางอื่นที่ต้องการนำเสนอก็สามารถแสดงความคิดเห็นในช่องทางที่จัดไว้ภายในเว็บไซต์ เพื่อรวบรวมเป็นร่าง พ.ร.บ.เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย ภายในเดือน มิ.ย.นี้

ขณะที่ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวถึงประเด็นการเพิ่มรองผู้ว่าฯกทม. ให้เหมาะสมกับภาระงานตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวว่า ในอดีต เคยมีความเห็นจากผู้บริหารกทม. ว่า รองผู้ว่าฯกทม.ที่เพิ่มขึ้น น่าจะมีจำนวนสอดคล้องกับรองปลัดกทม. เนื่องจากจำนวนรองปลัดกทม. สอดคล้องกับจำนวนโซนในพื้นที่ในกรุงเทพฯ คือ 6 โซน แต่หากต้องการเพิ่มจำนวนมากกว่านั้นก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม

การแก้ พ.ร.บ.ในเรื่องใดก็ตาม กทม.สามารถทำได้ทั้งสิ้น แต่ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม เนื่องจากกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นั้นมีหลายขั้นตอน ต้องนำความคิดเห็นต่าง ๆ มาประกอบร่างจึงนำเสนอกระทรวงมหาดไทย จากนั้นเข้ากระบวนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และจึงเข้ากระบวนการพิจารณาคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจพิจารณาร่างกฎหมายและยกร่างกฎหมาย จากนั้นจึงส่งกลับมาให้ ครม. สู่ขั้นตอนการตั้งคณะกรรมการวิสามัญในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจต้องใช้เวลาพอสมควร และสิ่งสำคัญคือ ต้องได้รับการสนับสนุนและผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวจากสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม การที่ กทม.รวบรวมความเห็นเพื่อประกอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า กระบวนการในส่วนรวบรวมข้อคิดเห็นเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย คาดว่าภายในเดือน มิ.ย.นี้น่าจะเสร็จ จากนั้นก็เป็นกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎรที่จะช่วยกันผลักดันหรือไม่ อย่างไร หัวใจสำคัญของกทม. คือ สร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน ช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อน ซึ่งการแก้ พ.ร.บ.ครั้งนี้ จะช่วยกระจายอำนาจให้ กทม.มากขึ้น เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องร่วมมือกัน ฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันติดตามการแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย