4 เดือนแรกปี 2568 ต่างชาติลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นจากปี 2567 กว่า 5% มูลค่าลงทุนรวม 57,860 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 17,255 ล้านบาท ตามด้วยสิงคโปร์ 9,126 ล้านบาท และจีน 6,471 ล้านบาท 

วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า 4 เดือนแรก (มกราคม - เมษายน) ปี 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 363 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 87 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 276 ราย เงินลงทุนรวม 57,860 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของ 4 เดือน ปี 2568 ได้แก่ 

1.ญี่ปุ่น 71 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 17,255 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  
 - ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
 - ธุรกิจบริการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การเปลี่ยนและทำการเชื่อมต่อท่อส่งใต้ทะเล ระหว่างแท่นหลุมผลิตในโครงการขุดเจาะน้ำมัน
 - ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
 - ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะ/เคมีภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโลหะ/ชิ้นส่วนยานพาหนะ/ชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์รถยนต์

2.สหรัฐอเมริกา 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 2,485 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  
 - ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตแผ่นวงจร ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องสำอาง
 - ธุรกิจบริการคลังสินค้า
 - ธุรกิจบริการ Data Center
 - ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ, Captive Screw for PCB

3.สิงคโปร์ 45 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 9,126 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 
  - ธุรกิจบริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ตลอดจนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการปฏิบัติการของงานระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการรถไฟฟ้า
  - ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย 
  - ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ เช่น ซอฟต์แวร์จัดหา และจัดซื้อสินค้า เป็นต้น
  - ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม, Printed Circuit Board ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ

4.จีน 43 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 6,471 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 
  - ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนโลหะ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
  - ธุรกิจบริการดำเนินพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร (Free Zone)
  - ธุรกิจบริการให้เช่าอาคารโรงงานพร้อมสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
  - ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานพาหนะ

5.ฮ่องกง 40 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,766 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการ DATA CENTER, CLOUD SERVICES 
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้นมีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมขุดเจาะน้ำมัน องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับสถานีจัดประจุไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์มบริหารงานติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น 

โดยเมื่อเปรียบเทียบกับ 4 เดือนแรก (มกราคม - เมษายน) ปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 110 ราย (เพิ่มขึ้น 43%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 อนุญาต 363 ราย / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 อนุญาต 253 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 2,902 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 ลงทุน 57,860 ล้านบาท / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 ลงทุน 54,958 ล้านบาท) รวมถึง มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 1,299 คน (เพิ่มขึ้น 128%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 จ้างงาน 2,314 คน / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 จ้างงาน 1,015 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน 

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วง 4 เดือน (มกราคม - เมษายน) ปี 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 108 ราย คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 31 ราย (เพิ่มขึ้น 40%) (เดือน ม.ค. - เม.ย.68 ลงทุน 108 ราย / เดือน ม.ค. - เม.ย.67 ลงทุน 77 ราย) โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 31,363 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 32 ราย ลงทุน 10,008 ล้านบาท *จีน 25 ราย ลงทุน 3,867 ล้านบาท *สิงคโปร์ 10 ราย ลงทุน 5,934 ล้านบาท และ ประเทศอื่นๆ 41 ราย ลงทุน 11,554 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 

 * ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น แม่พิมพ์ (Mould) ที่ใช้สำหรับผลิตชิ้นส่วนพลาสติก อุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องทำความเย็น ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์
* ธุรกิจบริการเคลือบผิวผลิตภัณฑ์โลหะ
* ธุรกิจบริการให้ใช้แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน
* ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เคมีภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโลหะ ชิ้นส่วนเครื่องจักร ชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์รถยนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น

ทั้งนี้เฉพาะเดือนเมษายน 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 91 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 20 ราย และ การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 71 ราย เงินลงทุนรวม 10,827 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ ตามลำดับ จ้างงานคนไทย 709 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี อันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมขุดเจาะน้ำมัน องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินสำหรับเรือกักเก็บปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์พืช เป็นต้น

สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเดือนเมษายน 2568 ได้แก่  
*ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
*ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
*ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
*ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม แม่พิมพ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม  เครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นต้น

#SuperDBD #กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้