“ป.ป.ช.”มีมติชี้มูลความผิด “3 อดีต เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เหตุร่ำรวยผิดปกติ รวมกว่า 48.5 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างตามกฎหมาย สืบเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ขอให้ศาล สั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 24,973,519 บาท โดยทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ได้แก่ รายการเงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคาร ชื่อบัญชี นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี รวม 8 บัญชี จำนวนเงินรวม 23,210,298 บาท
นายสาโรจน์ กล่าวต่อว่า 2. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือการมีหนี้สินลดลงมาก ผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างตามกฎหมายสืบเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหน้าที่ ขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เป็นเงินทั้งสิ้น 12,818,335.21 บาท โดยทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ มีรายละเอียด ดังนี้ รายการเงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคาร ชื่อบัญชี นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร รวม 7 บัญชี
นายสาโรจน์ ระบุต่อว่า 3. ชี้มูลความผิดนางจุไรรัตน์ มีศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ฝ่ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่ำรวยผิดปกติ ขอศาลสั่งให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดิน รวมเป็นเงิน 10,863,181.98 บาท และ ชี้มูลความผิดนางจุไรรัตน์ มีศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ฝ่ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือการมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติหรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้าง ตามกฎหมายสืบเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สิน ตกเป็นของแผ่นดิน เป็นเงินทั้งสิ้น 10,863,181.98 บาท โดยทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ มีรายละเอียด ดังนี้ รายการเงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคาร ชื่อบัญชี นางจุไรรัตน์ มีศิริ และ/หรือในชื่อของคู่สมรส รวม 6 บัญชี
ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐานและ ความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจ พิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบุคคลทั้งสาม ตกเป็นของแผ่นดิน ตามรายการทรัพย์สินดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้วแต่กรณี ให้ขอให้ศาลบังคับคดี เอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย