วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 นายสาโรจน์  พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่ามีการทุจริตเงินอุดหนุนวัด และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติให้ไต่สวนกรณีร่ำรวยผิดปกติด้วยนั้น ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัด พศ.ว่า ร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 3 ราย ดังนี้

1. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ สังกัด พศ.ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่มีมูลอันจะอ้างตามกฎหมาย สืบเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน รวมเป็นเงิน 24,973,519 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสาร พยานหลักฐานและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี ตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60วัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ต่อไป

2. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผอ.ส่วนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ สังกัด พศ. ร่ำรวยผิดปกติ ขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน รวมเป็นเงิน 12,818,335.21 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอก สาร พยานหลักฐานและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ของนางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร ตกเป็นของแผ่นดิน และให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60 วัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม ต่อไป

3. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางจุไรรัตน์ มีศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ฝ่ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สังกัด พศ. ร่ำรวยผิดปกติ ขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน รวมเป็นเงิน 10,863,181.98 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอก สาร พยานหลักฐานและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของนางจุไรรัตน์ มีศิริ ตกเป็นของแผ่นดินตามรายการทรัพย์สินดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง ต่อไป

ทั้งนี้ หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้วแต่กรณี ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย