วันที่ 28 พ.ค.2568 เวลา 09.10 น.ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า พรรคประชาชนเตรียมผู้อภิปรายไว้ 49 คน โดยใช้หัวข้อ “ช่วยรัฐบาลหางบประมาณ” ซึ่งจะตัดในส่วนที่ไม่จำเป็น เช่น เรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการคอร์รัปชั่น การใช้งบประมาณไม่เหมาะสม ไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่จำเป็นในช่วงนี้ที่สามารถชะลอออกไปก่อนได้ ทั้ง ปรับ ลด เลื่อน งบประมาณ และประเด็นการจัดสรรงบประมาณตามปกติ ที่ต้องดูถึงความเหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข สวัสดิการ เกษตร และปากท้องของประชาชน ช่วงเริ่มต้นของการอภิปรายจะมุ่งเน้นไปที่ภาพรวมว่ามีส่วนไหนสามารถที่จะปรับปรุงวิธีการและลดปัญหาเรื่องการคอรัปชั่น จัดลำดับความสำคัญของโครงการใหม่ จัดเอาโครงการที่จำเป็นมาใช้ก่อน

เมื่อถามว่างบประมาณ 2569 ตอบโจทย์กับเศรษฐกิจตอนนี้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่ได้ตอบโจทย์ ยังเป็นงบประมาณตามปกติ เหมือนหลับไปตั้งแต่มีโควิด - 19 ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่างบประมาณนี้จัดในช่วงที่ต้องสู้กับสงครามการค้า เราไม่ได้โทษรัฐบาลนี้เสียทีเดียว เพราะไม่มีใครคิดว่าตอนต้นปีในวันที่จัดทำงบประมาณจะต้องเผชิญกับอะไร แต่ก็ต้องเห็นเค้าลางในหลายเรื่อง และเมื่อมาดูงบประมาณที่จัดไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปีที่แล้วไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร จัดไว้ 200,000 ล้านบาท แต่ปีนี้เหลือ 20,000 ล้านบาท กองทุน FTA ที่เอาไว้ช่วยเหลือเกษตรกรไม่ได้จัดไว้ ต้นปีรู้แล้วว่าทรัมป์จะมา แต่ก็ไม่ได้จัดเตรียมงบประมาณไว้ กองทุนที่เอาไว้ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้งบประมาณเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท กองทุนช่วยเหลือเกษตรกรกลับถูกลดงบประมาณ ทั้งที่เกษตรกรเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

“ส่วนโครงการอื่นหน้าตาเหมือนเดิมเกือบทั้งหมด บางโครงการพุ่งขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น โครงการที่เกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ ปีนี้เกือบ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเดี๋ยวจะได้เห็นพรรคประชาชนวิเคราะห์งบประมาณซอฟต์พาวเวอร์กันว่าอย่างไร ตรวจผลงาน 2 ปีที่ผ่านมาเปเนอย่างไรพร้อมที่จะอนุมัติงบประมาณหมื่นล้านให้กับซอฟต์พาวเวอร์หรือไม่ ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

เมื่อถามว่างบประมาณดิจิทัลวอลเล็ตที่โยกไปยัง 4 โครงการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สมเหตุสมผลหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า สำหรับงบประมาณ 157,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณของปี 2568 เหมือนเป็นกระสุนก้อนสุดท้ายของงบปี 2568 ในการกระตุ้นจีดีพีของปี 2568 ด้วย 4 เรื่อง ที่รัฐบาลอยากทำเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น เป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทั้ง น้ำ คมนาคม กระตุ้นการท่องเที่ยว ช่วยเหลือการส่งออก ในและลงทุนในเศรษฐกิจชุมชนต่างๆ ซึ่งตามหลักการถูกต้องทุกประการ แต่ขึ้นอยู่กับกระบวนการมากกว่า

การที่สุดท้ายแล้วรัฐบาลเปิดให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง อปท. และท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ส่งโครงการเข้ามา แต่ไม่ได้มีหลักเกณฑ์อะไรเลย นั่นหมายความว่า รัฐบาลไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าว่าอยากเห็นโครงการประมาณไหน ขนาดไหน กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร สร้างงานเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ รัฐบาลไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย แถมกระบวนการจำกัดเวลาค่อนข้างสั้น รอบแรกที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติทำแค่วันเดียว แต่ต้องเลื่อน เนื่องจากระบบล่ม ทำให้มีเวลาเพิ่มขึ้นจนถึงวันที่ 26 พ.ย. 2568

“สะท้อน ว่า รัฐบาลไม่ได้เตรียมการอะไรล่วงหน้า ไม่มีโครงการในใจ อยากเห็นเศรษฐกิจถูกกระตุ้นด้วยวิธีการอะไร จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ซ้ำรอย ที่ใช้งบประมาณตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ เช่น พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท ที่รอบแรกมีแผนฟื้นฟู 1 ล้านล้านบาท แต่ใช้ไม่หมด รอบที่สอง 170,000 ล้านบาท ก็ถูกใช้แบบเบี้ยหัวแตก ไม่ได้มุ่งเศรษฐกิจในชุมชนจริง หลายๆโครงการไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ นี่คือบทเรียนที่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่คิดว่ารัฐบาลจะลืมไปได้ง่าย และไม่คิดที่จะถอดบทเรียน เพื่อที่จะแก้ปัญหาไม่ให้เกิดการซ้ำรอยอีก” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว