“ทักษิณ” ปรากฎตัวสยบข่าวลือ หนีออกนอก ปท. บอกยังอยู่ดีกินดีไม่ได้ไปไหน ใจเย็นๆ แก่อายุ 70 แล้ว ด้าน”ภูมิธรรม” ชี้ศาลไม่ได้สั่ง “นายกฯ-ก.คลัง” บี้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าวหมื่นล้าน เพียงแต่ต้องดูภาพรวม “ชูศักดิ์” ชี้วงเงินค่าเสียหายจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” ต้องคำนวณอีกรอบ โยน "คลัง" ตั้งขึ้นภายใน 60 วัน ‘พิชัย’ย้ำรอคุยฝ่ายกฎหมาย ปมตั้งคณะกรรมการเรียกค่าชดใช้ 10,028 ล้านจาก‘ยิ่งลักษณ์’
เมื่อวันที่ 27 พ.ค.68 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีศาลปกครอง ชี้แจงข้อกฎหมายคดี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ให้ชดใช้ค่าสินไหมโครงการจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งศาลปกครองไม่ได้สั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์จ่าย แต่เป็นการเพิกถอนคำสั่งกระทรวงคลังส่วนที่ให้จ่ายเกิน 10,028 ล้านบาทนั้น
นายภูมิธรรม ระบุว่า ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นโจทก์ ในการยื่นเรื่องเสนอศาลปกครอง เพราะเห็นว่า การกำหนดรายละเอียดงบประมาณต่าง ๆ ไม่มีความชัดเจน และเมื่อศาลฯ ได้ดูรายละเอียด และมีคำตัดสินออกมา จากต้องชดใช้ค่าสินไหมโครงการรับจำนำข้าวที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 10,000 กว่าล้านบาท เนื่องจากคิดไม่ตรง และเกิดความผิดพลาด แต่ศาลฯ ไม่ได้สั่งบังคับว่า จะต้องไปจ่ายอะไร ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การคำนวณตัวเลขค่าใช้จ่าย มีความผิดพลาดตั้งแต่แรกที่กำหนดมา แสดงให้เห็นว่า มีปัญหา จึงมีช่องให้พิจารณา
นอกจากนี้สิ่งที่เป็นหลักฐาน ในยุคที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และมีการตรวจสอบข้าว 10 ปี ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ตนสามารถขายข้าวได้กิโลกรัมละ 18 บาท จึงเป็นคำถามว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการขายข้าวในราคา 3-5 บาทต่อกิโลกรัม ก็ต้องไปพิสูจน์กันว่า ข้าวเสียได้อย่างไร ในเมื่อข้าว 10 ปียังขายได้ จึงสะท้อนให้เห็นว่า มีความคลาดเคลื่อนพอสมควร วิธีบริหารจัดการ
นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้สำหรับคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ตอนนี้ ทนายความกำลังยื่นข้อมูล ซึ่งอาจจะนำหลักฐานจากที่ตนได้ดำเนินการไปประกอบให้ศาลฯ พิจารณาว่า เป็นข้อมูลใหม่ เพื่อพิจารณาหักลบค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องว่า ไปตามกระบวนการ ในขณะที่กระทรวงการคลัง ก็มีหน้าที่ในการกำหนดข้อมูล และฟ้อง ส่วนนายกรัฐมนตรี โดยตำแหน่งในฐานะที่มีปัญหาเกิดขึ้นภายในภายในประเทศ ก็ต้องกำกับดูแล แต่ศาลฯ ไม่ได้สั่งให้นายกรัฐมนตรี หรือกระทรวงการคลังดูแล
เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลขายข้าวไปก่อนหน้านี้สามารถนำไปชดเชยกับค่าสินไหมทดแทนได้หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า หากคิดตัวเลขผิด ยอดเรียกค่าเสียหายก็ไม่ถึง และช่วงหลังที่ขายข้าวได้ราคาดีกว่า ค่าเสียหายก็ต้องลดลงไปอีก ซึ่งจะเห็นได้ว่า ที่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาตัวเลขหายไปกว่า 20,000 กว่าล้านบาท
เมื่อถามว่า การขายข้าวที่อยู่ในราคา 3-5 บาทจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า ขายต่ำกว่าราคา นายภูมิธรรม ระบุว่า อยู่ในดุลพินิจของศาลฯ ที่จะมองประเด็นนี้อย่างไร หากถามว่า พิสูจน์ได้หรือไม่ว่า ขายในราคาต่ำกว่า ก็ต้องดูว่า ในอดีตสื่อฯ พยายามขอเข้าไปดูโกดังข้าว แต่ไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องดูว่า ทนายความไปยื่นเรื่องในเงื่อนไขประเด็นใด
เมื่อถามว่า ตามหลักการแล้ว เมื่อทนายความไปยื่นเรื่องร้องต่อศาลฯ ใหม่ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง ต้องรอให้ทุกอย่างจบกระบวนความ ก่อนดำเนินการใด ๆ หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ต้องเห็นรายละเอียดทั้งหมดก่อน และมีเรื่องที่ต้องดำเนินการอยู่หรือไม่ ซึ่งตนมองว่า ต้องรอให้ครบกระบวนการทั้งหมดจะดีกว่า อย่างไรก็ตามนายภูมิธรรม ระบุว่า จำไม่ได้ว่าตัวเลขขายข้าวจำนวน 18 ล้านตันเป็นจำนวนเงินเท่าใด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะเหตุใดผู้กระทำความผิดเรื่องเหมืองทองอัครา และเรือดำน้ำขาด เครื่องยนต์ ถึงไม่ต้องดำเนินการอะไร นายภูมิธรรม ระบุว่า แม้จะเป็นหน้าที่ตน ก็ต้องดูก่อน ขณะนี้ตนยังไม่ตัดสินใจอะไร และต้องมีการชี้แจง ซึ่งผิดหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ เพราะศาลฯ ยังไม่ได้ตัดสิน แต่หากมองประเด็นเรื่องนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นมาตรฐาน ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นเรื่องเชิงนโยบาย หากผู้ที่ทำนโยบายตามที่ได้รับเลือกจากการเลือกตั้งมา และไปเอาผิดกับผู้คุมนโยบาย ก็มีหลายเรื่องที่สะท้อนให้เห็น เช่น คดีของตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ก็มีความเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า หลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะกล้าผลักดันนโยบายหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามีความมั่นใจว่า นโยบายทุกอย่างผ่านการคิด และกลั่นกรอง และจะผลักดันอย่างเต็มที่ ในแต่ละเงื่อนไข และสถานการณ์ ที่มีมีความจำเป็นจะต้องปรับ แต่สิ่งที่เราแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะเป็นแนวในการปฏิบัติ หากจะติดขัดอะไรก็ต้องแสดงให้เห็นว่า เรามีความตั้งใจ และมีเหตุผลในการเปลี่ยน
เมื่อถามว่า ตามหลักการในฐานะเป็นผู้คุมนโยบาย หากทำให้เกิดความเสียหาย จะต้องมีส่วนในการชดใช้ หรือไม่ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ที่ศาลฯ หากระบุว่า ควรกำหนดนโยบาย มีความไม่ชอบมาพากล หรือเจตนาแฝง อาจจะต้องรับผิดชอบ แต่กรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นความเสียหายในกระบวนการบังคับใช้ หรือการปฏิบัติเรื่องการระบายข้าว ก็ไม่ควรจะเกี่ยวกับผู้บริหาร หรือผู้คุมนโยบาย แต่ยอมรับว่า มันเกี่ยวพันกัน และมีกระบวนการคิดที่ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อศาลฯ พิจารณาแล้วก็ต้องเคารพดุลพินิจ ยกเว้นว่า มีข้อมูลใหม่ว่า การตัดสินนั้นอาจมีความคลาดเคลื่อน
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายในคดีจำนำข้าว จีทูจี เพียง 10,028 ล้านบาท และกระทรวงการคลังต้องมีคำสั่งให้ชดใช้ ว่า หมายความว่าคดีนี้ เป็นคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะเป็นโจทก์ฟ้องเพื่อขอให้เพิกถอนคำบังคับกระทรวง ซึ่งศาลได้ระบุว่าคำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาท ไม่ชอบ จึงให้เพิกถอนคำสั่ง ในส่วนที่เกิน 10,028 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ ยกเลิกคำสั่งเดิม เพื่อดำเนินการใหม่ และ ต้องมีคณะกรรมการเข้าไปดูแลความเสึยหาย คำสั่งฉบับเก่าผ่านมาหลายปีแล้ว ศาลตัดสินตั้งแต่ปี 66 ฉะนั้นเป็นเรื่องที่ทนายความต้องไปดูว่าคณะกรรมการบังคับคดีของกระทรวงการคลังในเวลานั้น เขาคิดค่าเสียหายอย่างไร และมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว ซึ่งตนเองไม่ทราบรายละเอียด
เมื่อถามว่าส่วนวงเงินค่าเสียหาย คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ต้องคำนวณค่าเสียหายหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องคิด เพราะมีข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การขายข้าว สำนวน และ คำบังคับคดีในขณะนั้น เป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องรายละเอียด และทรัพย์สินของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีการอายัดไปแล้วนั้น จะต้องมีการคำนวณใหม่ด้วยหรือไม่ ก็ต้องดู ว่าถึงปัจจุบันมีความเสียหายเท่าไหร่ และรัฐได้เงินไปแล้วเท่าไหร่ ต้องไปดูทั้งหมด ส่วนตัวไม่รู้รายละเอียด
เมื่อถามว่ากระทรวงการคลังจะต้องทำคำสั่งใหม่ภายในกี่วัน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คำพิพากษาในข้อ 3 ระบุว่าให้ดำเนินการภายใน 60 วัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องไปดู
ส่วน นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวเพียงแค่ 10,028 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้เร่งรัด ว่า เรื่องนี้ตนได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมาย นำข้อเท็จจริงมาดูในรายละเอียดให้หมด ฉะนั้น ขอดูเรื่องย้อนหลังก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่เพื่อคำนวณค่าเสียหายหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดในคำสั่งก่อน ส่วนจะใช้ระยะเวลากี่วันนั้นขอดูรายละเอียดก่อนที่จะดำเนินการอะไร เพราะต้องให้ฝ่ายกฎหมายตรวจดูข้อเท็จจริงก่อน
เมื่อถามว่า ทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เคยยึดทรัพย์ ไว้ก่อนหน้านี้จะต้องนำมาพิจารณาใหม่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ก็นี่ไง ตนยังไม่รู้ข้อเท็จจริง ส่วนอายัดไว้เท่าใดนั้น ตนทราบเพียงแต่ในข่าวเท่านั้น ซึ่งมีทั้งอายัดแล้วและจำหน่ายแล้ว แต่เรื่องอื่นๆ ตนยังไม่ทราบ ขอหารือฝ่ายกฎหมายก่อน
เมื่อถามถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกมาระบุว่าการคำนวณราคาข้าวไม่เหมือนเดิม จึงจำเป็นต้องคำนวณค่าเสียหายใหม่ นายพิชัย กล่าวว่า ก็ต้องลงไปดู เมื่อถามอีกว่า จำเป็นจะต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเฉพาะหรือไม่ นายพิชัย ย้ำว่า ตนขอปรึกษาฝ่ายกฎหมายก่อน
ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อคำนวณค่าชดเชยใหม่ จะมีความชัดเจนเมื่อใดนั้น ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับเรื่องอะไร
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.10 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาประธานอาเซียน เดินทางมาด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์ สีกรมท่า ทะเบียน ฐฐ 267 กรุงเทพมหานคร เดินทางถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อร่วมปาฐกถาพิเศษ"ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน"ในการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 3/2568
โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วยพ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการป.ป.ส.ให้การต้อนรับ
ก่อนที่ นายทักษิณ ได้โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวก่อนพูดว่า “ยังอยู่ดีกินดีไม่ได้ไปไหน“จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงความกังวลเกี่ยวกับการพิจารณาลงโทษแพทย์ตามมติแพทยสภา ของคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ ของนายสมศักดิ์ นายทักษิณ ตอบว่า ”แก่แล้ว 70 กว่าแล้วนะ ใจเย็นๆ ”
ทั้งนี้ถือเป็นการปรากฎตัวครั้งแรกของนายทักษิณ ท่ามกลางกระแสข่าวลือหลบหนีออกนอกประเทศ ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพร้อมและนัดไต่สวน กรณีการพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 13 มิ.ย.