เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 พ.ค.68 พ.ต.อ.ศุภณัฐ รัตน์ภิรมย์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร ได้ แจ้งจากเจ้าของห้องแถวเช่ารายหนึ่งว่า พื้นที่ ม.9 ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ได้เช่าห้องมั่วสุมยาเสพติดและมีพฤติกรรมเป็นผู้ค้ายาเสพติดอีกด้วย จึงสั่งการให้ร.ต.ท.จิระวัฒน์ ดวงชัย รอง สว.(ป.)สืบสวน ภ.จว.ชุมพร สนธิกำลังตำรวจ กอ.รมน.ชุมพร ตำรวจท่องเที่ยว และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบและจับกุม
โดยที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่า 3 ห้อง ปลูกอยู่ริมถนนวังใหม่-ท่ามะปริง ห่างจากถนนเอเชีย ประมาณ 10 กิโลเมตร พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ จำนวน 5 คน แยกเป็นชาย 3 คน เป็นหญิง 2 คน นั่งจับกลุ่มพูดคุยอยู่บริเวณหน้าห้องแถว เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งกับแรงงานชาวเมียนมาว่า ได้มีการร้องเรียนว่ามีการมั่วสุมเสพยาเสพติดและมีพฤติกรรมค้ายาเสพติดด้วย ให้ทางแรงงานต่างด้าวทั้งหมดได้ทราบ และทุกคนสามารถพูดภาษาไทยได้ ก่อนจะนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักในแต่ละห้องพร้อมกัน
จากการตรวจค้น ภายในห้องเช่าห้องแรกซึ่งเป็นของนายเต็ม อายุ 28 ปี ซึ่งเช่าอยู่กับนางนา อายุ 41 ปี ภรรยา ผลปรากฏว่าพบยาบ้า จำนวน 409 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าแบบรูดปิดเปิด ถุงละ 200 เม็ด จำนวน 2 ถุง และอีก 9 เม็ด อีก 1 ถุง ซุกอยู่ในกระเป๋าสะพาย แขวนอยู่ข้างฝาผนังห้องใกล้หน้าต่าง นอกจากนี้ยังพบถุงพลาสติกใสชนิดรูดปิดเปิด จำนวน 1 มัด ประมาณ100 ถุง และยังพบเครื่องกระสุน ขนาด .22 อีก จำนวน 29 นัด อยู่ในกล่อง เงินสดอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
ในขณะเจ้าหน้าที่อีก 2 ชุด ได้เข้าตรวจค้นภายในห้องเช่าของ นายกี อายุ 27 ปี และ นายกล้วย อายุ 26 ปี ชาวเมียนมา ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวทั้ง 3 คน ตรวจปัสสาวะ ซึ่งปรากฎว่า ทั้งหมดมีสารเสพติดในร่างกาย โดยนายกี และนายกล้วย สารภาพว่า ตนเองได้ซื้อยาบ้า มาจากนายเต็ม ในราคาเม็ดละ 50 บาท โดยล่าสุดเพิ่งซื้อเสพเมื่อวานที่ผ่านมา และทั้งสองขอเข้าบำบัดด้วยตนเอง ประกอบกับทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ เจ้าหน้าที่จึงได้กันตัวเป็นพยานในการจับกุมในครั้งนี้
จากการสอบปากคำ ในเบื้องต้น ทางนายเต็ม ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าทั้งหมดเป็นของตนเองจริง ซึ่งตนเองซื้อมาจากนายไก่ (ขอสงวนนาม) ซึ่งเป็นคนไทย โดยจะสั่งซื้อผ่านทางโทรศัพท์และนายไก่ จะนัดให้ไปรับตามจุดต่างๆ ที่กำหนดจุดวางของ โดยส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณริมถนนสายชุมพร-ระนอง สำหรับยาบ้านั้น จะซื้อในราคาถุงละ 4,500 บาท ซึ่งในถุงจะมายาบ้า จำนวน 200 เม็ด โดยตนเองซื้อยาบ้า มาเพื่อเสพเองเพราะต้องทำงานกรีดยางหลายแปลง จึงจำเป็นต้องซื้อไว้เสพที่ละมากๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบถุงพลาสติกใสที่พวกค้ายาเสพติด ใช้สำหรับแบ่งขาย ในกระเป๋าสะพายที่ยึดได้
นายเต็ม ยังให้การรับสารภาพว่า เครื่องกระสุนที่พบนั้นเป็นของตนเองเช่นกัน โดยซื้อมาจากคนไทย ในราคานัดละ 10 บาท และตนซื้อมาเพื่อนำไปยิงกระรอกในสวน พร้อมรับสารภาพอีกว่ายังมีอาวุธปืนที่ใช้ได้ทำการซุกซ่อนอยู่ในสวนยางพาราพื้นที่ ม.9 ต.วิสัยใต้ อำเภอสวี จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปตรวจค้นอาวุธปืนภายในสวนยางพารา ซึ่งเป็นของนายจ้าง ซึ่งพบเป็นอาวุธปืนยาว แบบไทย (พม่า)ประดิษฐ์ วางซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้ากลางสวนยางพารา จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายเต็ม พร้อมของกลาง ยาบ้าและอาวุธปืนยาวพร้อมเครื่องกระสุน มาทำการบันทึกจับกุมในฐานความผิด “มียาเสพติดประเภทที่ 1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)โดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เข้าตรวจค้นและจับกุมนายเต็ม ท่ามกลางชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ ได้แห่กันมาดู โดย น.ส.จิรา อายุ 50 ปี อยู่ ม.5 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้เช่าบ้านห้องแถวอยู่ติดกัน เปิดเผยว่า รู้สึกโล่งอกที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ในครั้งนี้ เพราะก่อนหน้าตนเองยอมรับว่า ต้องอยู่อย่างหวาดผวามาตลอด เนื่องจากจะมีชาวเมียมาร์เข้าออกทั้งคืน และบางคืน พวกแรงงานที่เช่าห้องแถว จะส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย จนแทบไม่ได้นอน ซึ่งหลังจากนี้คงจะได้อยู่อย่างปกติสุขเสียที