ระดมพลเจ้าหน้าที่ พร้อมตั้งอุปกรณ์เครื่องตรวจอุณหภูมิของร่างกาย ตามท่าอากาศยาน หรือสนามบินต่างๆ อีกคำรบ
สำหรับ “สหรัฐอเมริกา” โดยการนำของ “ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค” หรือ “ซีดีซี” ซึ่งได้จัดโปรแกรม หรือโครงการสำหรับตรวจคัดกรองผู้คนที่จะเดินทางเข้าประเทศตามท่าอากาศยานแห่งต่างๆ แล้วปรากฏว่า ผู้ดยสารขาเข้าของท่าอากาศยานหลายแห่งในสหรัฐฯ ถูกตรวจพบว่า เดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ พร้อมเชื้อ “โคโรนาไวรัส 2019” หรือ “โควิด-19” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “โควิด” ด้วย
โดยเชื้อโควิดที่มาพร้อมกับบรรดาผู้โดยสารขาเข้าข้างต้น ทาง “ซีดีซี” ระบุว่า เป็นโควิดสายพันธ์ใหม่ ชื่อ “เอ็นบี.1.8.1” ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิดขนานใหญ่ในประเทศจีน ณ ชั่วโมงนี้
ทางซีดีซี เปิดเผยด้วยว่า เชื่อไวรัสโควิด “เอ็นบี.1.8.1” ถูกเจ้าหน้าที่คัดกรองตรวจพบในเหล่าผู้โดยสารนานาประเทศ ที่เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติหลายแห่งในรัฐต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้
ไม่ว่าจะเป็นในรับแคลิฟอร์เนีย รัฐวอชิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย รัฐนิวยอร์ก รัฐฮาวาย รัฐโรดไอส์แลนด์ และรัฐโอไฮโอ เป็นต้น ที่เมื่อสำรวจตรวจคัดกรองผู้คนแบบเจาะลึกลงปรากฏว่า ก็ยังพบในมหานครนิวยอร์ก
โดยเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ คือ “เอ็นบี.1.8.1” ก็ถูกตรวจพบในหมู่ผู้โดยสารจากหลายประเทศที่เดินทางมายังสหรัฐฯ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ไทย เนเธอร์แลนด์ สเปน เวียดนาม จีน และไต้หวัน ซึ่งทางซีดีซี ตั้งข้อสังเกตจากผลของการตรวจโรค พบว่า เหยื่อโควิดสายพันธุ์ใหม่ มีความเชื่อมโยงกับประเทศจีน ซึ่งข้อมูลได้มาจากโครงการคัดกรองตรวจโรคบริเวณท่าอากาศยานของซีดีซีดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษฎาคมที่เพิ่งผ่านพ้นมา
ท่ามกลางการเฝ้าจับตาจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญของทางซีดีซี และสาธารณสุขประเทศต่างๆ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์ “เอ็นบี.1.8.1” ข้างต้น ซึ่งเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ ในกลุ่มโอมิครอน ที่เพิ่งกลายพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้
โดย ณ เวลานี้ โควิดสายพันธุ์ “เอ็นบี.1.8.1” กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศจีน จนกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักที่กำลังอาละวาดอยู่ในจีน ณ ชั่วโมงนี้
ไม่ผิดอะไรกับเชื้อโควิด ได้หวนกลับมายังถิ่นเดิม คือ จีนแผ่นดินใหญ่ อันเป็นประเทศต้นทางของการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ในครั้งแรก ซึ่งในครั้งแรกนั้น นับตั้งแต่เชื้อไวรัสร้ายนี้ปรากฏโฉม เมื่อช่วงปลายปี 2019 (พ.ศ. 2562) ก็ใช้ชื่อว่า “ไข้หวัดอู่ฮั่น” บ้าง “ไวรัสอู่ฮั่น” บ้าง ตามชื่อเมือง ในมณฑลเหอเป่ย์ ที่พบการล้มป่วยด้วยไวรัสร้ายในหมู่ผู้คนที่เมืองอู่ฮั่นเป็นแห่งแรก
ก่อนที่ทาง “องค์การอนามัยโลก” หรือ “ดับเบิลยูเอชโอ” หรือที่หลายคนเรียกกันสั้นๆ ว่า “ฮู” นั้น (WHO : World Health Organization) ได้เปลี่ยนชื่อจาก “ไวรัสอู่ฮั่น” เป็น “โคโรนาไวรัส 2019” หรือ “โควิด-19” แต่หลายคนก็เรียกกันสั้นๆ จนติดปากว่า “โควิด” จากนั้นเชื้อไวรัสร้ายก็อาละวาด จนกลายเป็นวิกฤติโรคระบาดไปในพื้นที่ของประเทศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก อย่างน่าสะพรึง ด้วยจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อทะลุเกิน 7 ร้อยล้านคน ส่วนผู้ป่วยที่ถูกโควิดปลิดชีวิต ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน
ส่วนสถานการณ์ของแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ “เอ็นบี.1.8.1” ณ เวลานี้ ทางบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งจากซีดีซีของสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวว่า ต้องจับตาจ้องมองการแพร่ระบาดด้วยความระมัดระวัง
ภายหลังจากทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อในจีน ทะยานพุ่งสูงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ได้เริ่มส่งสัญญาณมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนแล้ว ก่อนลุกลามบานปลายขยายวงในช่วงเดือนพฤษภาคม และเหล่านักวิเคราะห์ก็คาดการณ์ด้วยความเป็นห่วงว่า การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ จะยังคงอาละวาดต่อเนื่องไปถึงเดือนหน้า คือ มิถุนายนที่จะถึงนี้ด้วย
โดยสถานการณ์แพร่ระบาดในจีน ณ เวลานี้ ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีนเอง หรือซีดีซีของจีน ระบุว่า จำนวนของผู้ป่วยติดเชื้อมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล คือ จากร้อยละ 7.5 ในช่วงเดือนเมษายน สู่ร้อยละ 16.2 ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เรียกว่า เพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว
พร้อมกันนี้ ทางคณะแพทย์ในจีน ได้มีคำแนะนำว่า ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ “เอ็นบี.1.8.1” ในกลุ่มที่น่าเป็นห่วงกังวลแทนเป็นอย่างมาก ก็คือ กลุ่มผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และมีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น เบาหวาน เป็นต้น ซึ่งแพทย์ได้แนะนำว่า ทันทีที่กลุ่มคนกลุ่มนี้ตรวจพบว่า พวกเขาติดเชื้อโควิด ก็ให้รีบมาพบแพทย์ภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อให้แพทย์เร่งดำเนินการรักษา
ว่ากันด้วยจำนวนตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อ สำหรับ การแพร่ระบาดครั้งใหม่ของโควิดในจีนหนนี้ ก็มีผู้ป่วยติดเชื้อไม่น้อยกว่า 1.7 แสนราย ซึ่งสายพันธุ์โควิดที่ตรวจพบว่า ก็มีโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ต่างๆ ที่มันกลายพันธุ์ไป แต่ถ้าว่ากันถึงสายพันธุ์ที่สายพันธุ์หลัก ณ เวลานี้ในจีน คือ “เอ็นบี.1.8.1” ที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึง
ทั้งนี้ เพราะมันนอกจากอาละวาดในจีน ซึ่งเป็นเสมือนการหวนกลับไปสำแดงฤทธิ์ยังถิ่นเก่า ต้นกำเนิดของโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมแล้ว เชื้อ “เอ็นบี. 1.8.1 ก็ยังสำแดงเดชแพร่ระบาดในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างในไทยเราก็พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์นี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็มีความหวังว่า การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ น่าจะคลี่คลายไปในทิศงทางที่ดีขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ตามรอบวงจรของเชื้อโรคร้ายที่แพร่ระบาด แต่ประชาชนก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนในการช่วงป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลามต่อไป เช่น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ปะปนกับคนอื่นๆ การฆ่าเชื้อโรคที่มือ เช่น การใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ และการหมั่นล้างเมืองบ่อยๆ รวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม ตลอดจนเมื่อตรวจพบว่า ตนเองติดเชื้อ ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น กักบริเวณตนเอง ไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายสู่คนอื่นๆ ต่อไป