กรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ตัวเลขจดทะเบียนตั้งใหม่และจดเลิกเดือนเม.ย.68 และ 4 เดือนแรกของปี 68 ยังอยู่ในวงรอบปกติของการจดทะเบียนนิติบุคคล โดยมีธุรกิจทุนสูงเกิน 1,000 ล้านบาทที่จัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนเม.ย.68 จำนวน 2 ราย ทุนจดทะเบียนรวมกันทั้งสิ้น 16,520 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคธุรกิจที่ยังคงแข็งแรงอยู่ และการลงทุนของต่างชาติที่ยังเพิ่มเติมมากขึ้นทุกเดือน โดย 4 เดือนแรกมีการลงทุนแล้ว 363 ราย ทุนจดทะเบียน 57,860 ล้านบาท ทั้งนี้ จับตามองธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ กำลังมาแรงในประเทศไทย 5 ปี ย้อนหลังสร้างรายได้และกำไรเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง ฝ่าวิกฤตโควิด-19 และสวนทางกับจำนวนประชากรที่ลดลง ทำให้เกิดมิติใหม่ทางการศึกษาในประเทศไทยที่ยกระดับคุณภาพได้ทัดเทียมนานาชาติ ทิ้งท้ายเตือนนิติบุคคลให้เร่งส่งงบการเงินรอบปี 2567 ก่อนครบกำหนดในวันที่ 4 มิ.ย.68 เพื่อลดความแออัดและความผิดพลาดที่อาจเกิดในช่วงท้ายของการนำส่งงบการเงิน 
 
วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนเมษายน 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 6,325 ราย ลดลง 205 ราย (-3.14%) เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 (6,530 ราย) และทุนจดทะเบียนรวม 32,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,870 ล้านบาท (17.86%) เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 (27,272 ล้านบาท) ด้านธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 502 ราย ทุนจดทะเบียน 988 ล้านบาท 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 439 ราย ทุนจดทะเบียน 1,569 ล้านบาท 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 264 ราย ทุนจดทะเบียน 469 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.94%, 6.94% และ 4.17% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในเดือนเมษายน 2568 ตามลำดับ
 
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 2568 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 ราย มูลค่าทุน   จดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 16,520 ล้านบาท ได้แก่ 1) บมจ.กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าทุนจดทะเบียน 14,940 ล้านบาท ประกอบกิจการเข้าเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วน หรือเป็นผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลใดๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศเพื่อประโยชน์ของบริษัท และ 2) บจ.อิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าทุนจดทะเบียน 1,580 ล้านบาท ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์จารบี และสินค้าอื่นๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานคล้ายคลึงกัน
 
โดยการจัดตั้งใหม่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-เมษายน 2568) มีจำนวน 30,148 ราย ลดลง 1,385 ราย (-4.39%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (31,533 ราย) ทุนจดทะเบียน 112,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,849 ล้านบาท (17.70 %) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (95,212 ล้านบาท) ด้านธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 2,394 ราย ทุนจดทะเบียน 5,102 ล้านบาท  2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2,047 ราย ทุนจดทะเบียน 7,834 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 1,237 ราย     ทุนจดทะเบียน 2,428 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.94%, 6.79% และ 4.10% จากจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใน 4 เดือนแรกของปี 2568 ตามลำดับ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 68 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น 7 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 37,499 ล้านบาท 
 
สำหรับการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนเมษายน 2568 มีจำนวน 814 ราย เพิ่มขึ้น 4 ราย (0.49%) เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 (810 ราย) และมีทุนจดทะเบียนเลิก 4,131 ล้านบาท ลดลง 965 ล้านบาท (-18.94%) เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 (5,097 ล้านบาท) สำหรับประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 65 ราย ทุน 110 ล้านบาท 2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 47 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 416 ล้านบาท 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 30 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.99%, 5.77% และ 3.69% จากจำนวนการเลิกประกอบธุรกิจในเดือนเมษายน 2568 ตามลำดับ 
 
ส่วนการจดทะเบียนเลิก 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-เมษายน 2568) มีจำนวน 3,921 ราย เพิ่มขึ้น 302 ราย (8.34%) เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2567 (3,619 ราย) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 15,990 ล้านบาท ลดลง 1,050 ล้านบาท (-6.16%) เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2567 (17,040 ล้านบาท) โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 372 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 652 ล้านบาท  2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 184 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 912 ล้านบาท และ 3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 159 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 391 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.49%, 4.69% และ 4.06% จากจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใน 4 เดือนแรกของปี 2567 ตามลำดับ ทั้งนี้ ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มีนิติบุคคลเลิกประกอบกิจการที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 ราย รวมทุนจดทะเบียนเลิกทั้งสิ้น 4,128 ล้านบาท 
 
ทั้งนี้ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,994,979 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.61 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 947,791 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.34 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นบริษัทจำกัด 748,685 ราย หรือ 78.99% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 16.53 ล้านล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 197,616 ราย หรือ 20.85% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.43 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด 1,490 ราย หรือ 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.38 ล้านล้านบาท สำหรับนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจบริการเป็นประเภทธุรกิจที่มีสัดส่วนการจดทะเบียนมากที่สุดมีจำนวน 512,359 ราย ทุนจดทะเบียน 12.85 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก 310,856 ราย ทุน 2.57 ล้านล้านบาท และธุรกิจผลิต 124,576 ราย ทุน 6.92 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.06%, 32.80% และ 13.14% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ตามลำดับ 
 
โดยเมื่อวิเคราะห์การจัดตั้งธุรกิจ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) ที่ลดลง 4.39% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จะพบว่าธุรกิจที่มีการจัดตั้งลดลง เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ธุรกิจขายปลีกสินค้าในร้านทั่วไป และธุรกิจตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น จากความผันผวน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของไทย ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ธุรกิจบางประเภทยังคงมีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เช่น ธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไป ธุรกิจขายส่งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจขายยานยนต์เก่า เป็นต้น สืบเนื่องจากกิจกรรมและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล เทรนด์เรื่องสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่
           
ขณะที่ในส่วนของการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มค.-เม.ย.) ที่เพิ่มขึ้น 8.34% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากธุรกิจบางประเภทมีการจดเลิกเพิ่มขึ้น เช่น ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบริหารจัดการ ธุรกิจขายปลีกสินค้าในร้านค้าทั่วไป และธุรกิจตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้ไวตามพฤติกรรมของผู้บริโภค และกลไกการแข่งขัน

#กระทรวงพาณิชย์ #ธุรกิจใหม่ #โรงเรียนนานาชาติ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์