Pi Daily ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเมื่อคืน ส่วนตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนและเชื่อว่า Upside จำกัดเช่นเดิม ส่งออกไทยขยายตัวได้แต่ให้ระมัดระวังว่าจากนี้อาจย่อตัว

วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 บล.พายเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวัน Memorial Day เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้รายงานมูลค่าส่งออกประจำเดือน เม.ย. ขยายตัวได้ 10%YoY แต่หากไม่รวมสินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะขยายตัวเพียง 7.1%YoY ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 12%YoY และขาดดุลการค้ามากถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯมากกว่าที่คาดว่าจะขาดดุลเพียง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การส่งออกขยายตัวได้ดีเป็นเพราะสินค้าอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรแม้สินค้าเกษตรจะยังหดตัว สินค้าที่ขยายตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนได้แก่ยางพารา (+22%YoY) ไก่สด (+8.6%YoY) อาหารสัตว์ (+10%YoY) ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ +75%YoY  แผงวงจรไฟฟ้า +16%YoY อย่างไรก็ตามรถยนต์ อุปกรณ์ ส่วนประกอบ -14%YoY อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-1.4%YoY) ประเมินเป็นบวกกับหุ้น (ITC HANA DELTA GFPT TFG CPF)

อย่างไรก็ตามเริ่มพบสัญญาณชะลอตัวการส่งออกไปยังประเทศจีน (YTD +14%YoY แต่ เม.ย. +3.2%YoY สอดคล้องกับเอเชียใต้ YTD +60%YoY แต่ เม.ย. +8.7%YoY) สะท้อนถึงมุมมองที่ว่าก่อนหน้าประเทศคู่ค้าต่างๆ ได้เร่งนำเข้าสินค้าไปแล้วจากนี้เป็นไปได้ที่การส่งออกจะเริ่มเติบโตชะลอตัวลง โดยสภาพัฒน์ประเมินส่งออกทั้งปีขยายตัวเพียง 1.8%YoY หมายความว่าหลังจากนี้จะเผชิญกับการส่งออกที่หดตัวลง

ขณะเดียวกันวานนี้ AOT ได้รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวและจำนวนเที่ยวบินพบว่าในช่วง 1-24 พ.ค. พบว่าจำนวนผู้โดยสารต่างชาติ (-5%YoY) และจำนวนเที่ยวบินต่างชาติ (-2.7%YoY) สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารรวม (-1.4%YoY) ช่วงเย็นวันนี้รอติดตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หากรายงานลดลงจะยิ่งเป็นแรงกดดันต่อตลาด

ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯจากสถาบัน CB Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 87.1 หากรายงานต่ำกว่าคาดการณ์มองเป็นปัจจัยกดดันการลงทุน วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1165 – 1185 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนแต่อย่างใดท่ามกลางการไร้ปัจจัยหนุนที่ชัดเจนทั้งจากพื้นฐานและกระแสเงินทุน วานนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ 1.1 พันล้านบาทและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อยพร้อมกับเชื่อว่ายังไม่น่าจะเห็นการซื้อสุทธิเร็วๆนี้จากสถาบันด้วยเม็ดเงินจาก ThaiESGX ที่เข้าระบบค่อนข้างน้อย แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือกเก็งกำไรในหุ้นที่อิงกับรายได้ต่างประเทศ อาทิ MINT หุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว OSP MTC 

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
รายงานกำไรปกติใน 1Q25 อยู่ที่ 50 ล้านบาท (-98% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาด แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 48% โดยพลิกกลับมากำไรจากที่ขาดทุนใน 1Q24 (ไตรมาสแรกถือเป็นช่วง Low season ตามปกติของยุโรป) ถึงแม้รายได้จากธุรกิจหลักจะอ่อนตัวอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท (-3% YoY, -12% QoQ) แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย และชำระหนี้ที่ดีขึ้น SG&A-to-sales ที่ 36% (-1 ppts YoY)

MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท)
ดำเนินธุรกิจแนว Conservative เน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และรักษางบดุลแข็งแกร่ง  ขณะที่การติดตามหนี้ยังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง โดยมองว่า NPL ratio ไม่เกิน 2.7% และแม้ Coverage ratio (ระดับสำรองหนี้รวมต่อหนี้เสีย) จะสูงขึ้นเป็น 138% แต่มีนโยบายที่จะเพิ่มให้สูงกว่า 140% รองรับความไม่แน่นอนในอนาคต

#ตลาดหุ้น #ข่าววันนี้ #SET #บลพาย #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ส่งออกไทย