นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภายหลังที่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาฯ และทาง กกต.ประกาศวันเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นั้น มองว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ให้กับตลาดทุนและการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ขณะที่ช่วงเลือกตั้งนี้จะมีกิจกรรมในด้านต่าง ๆ จะส่งผลต่อบรรยากาศเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมเกิดความคึกคัก และมีเม็ดเงินสะพัด 30,000-50,000 ล้านบาท พร้อมช่วยผลักดันให้จีดีพีไทยขยายตัวได้ประมาณ0.2-0.3% ส่วนการที่กระทรวงการคลังจะใช้มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 5% พร้อมเตรียมเงินงบประมาณคืนภาษีแวต 7,000 ล้านบาท ในช่วงที่มีการจับจ่ายใช้สอยช่วงตรุษจีนและคืนเงินภาษีแวตผ่านบัตรเดบิตของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการนี้ โดยจะต้องมีการลงทะเบียนก่อนนั้นเชื่อว่าแนวทางนี้จะเป็นการส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้ แต่ตอนนี้ยังขาดการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้มากนัก โดยมาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงดันยอดเงินสะพัดเพิ่มในช่วงตรุษจีนอีก 10,000 ล้านบาท จากปกติที่มีเงินสะพัดเทศกาลตรุษจีนอยู่แล้ว 100,000 ล้านบาท "เมื่อได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2562 จะขยายตัวในกรอบร้อยละ 4-4.5 ภายใต้สมมติฐานไม่มีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก แต่ความเป็นไปได้ว่าโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2 "นายธนวรรธน์ กล่าว