ป.ป.ส. รวบผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า 5 แสนเม็ด ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์
วันที่ 25 พ.ค.68 ที่ศูนย์ปฏิบัติการ ป.ป.ส. สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และ พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย แถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหา 2 ราย (บุคคลหลบหนี 4 ราย) พร้อมยาบ้า 500,000 เม็ด เหตุเกิดที่ อ.เมืองเชียงราย ต่อเนื่อง อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ซึ่งผู้ต้องหาเป็นบุคคลในเครือข่ายของนักค้ายาเสพติดอดีตผู้ต้องขัง ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อต้นเดือนเมษายน 2568 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบบุคคลต้องสงสัยชาว จ.สระแก้ว มาเปิดห้องพักในพื้นที่ จ.เชียงราย หลังจากเช็คเอ้าท์ เมื่อตรวจสอบห้องพักจึงพบกระสอบเปล่าซึ่งมีกลิ่นยาบ้าถูกวางไว้ภายในห้องน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบและขยายผล จากการสืบสวนขยายผลพบว่า หัวหน้าขบวนการเป็นกลุ่มผู้ต้องขังที่เพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติด (ปี 2567) จากนั้น ต้นปี 2568 มาจดทะเบียนเปิดบริษัทส่งพัสดุภัณฑ์ สาขา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย (ประเภทร้านรับฝากสินค้า จำนวน 10 ชิ้น/วัน) โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อขนส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดของเครือข่ายเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยไปรับยาเสพติดในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
จึงมอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สั่งการชุดปฏิบัติการ ขยายผลการสืบสวนเครือข่ายดังกล่าว โดยบรูณาการร่วมกับ หน่วยบังคับใช้กฎหมาย (ตำรวจ, ทหาร) ได้แก่ สำนักปราบปรามยาเสพติด, สำนักงาน ปปส.ภ.2, สำนักงาน ปปส.ภ.7, ภ.จว.เชียงราย, ศอ.ปส.ภ.5, นบ.ยส.35, สภ.เวียงป่าเป้า, สภ.แม่สรวย, ศขย.ฝขว.ศปก.ทบ., เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จว.สระแก้ว, สภ.วัฒนานคร, สภ.สุพรรณบุรี, ศอ.ปส.ทร., ศอ.ปส.ทอ. และ ศอ.ปส.ทท. ติดตามพฤติการณ์กระทั่งพบว่า วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 บุคคลในเครือข่ายดังกล่าวเข้ามาเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ต้องสงสัยว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน เตรียมขับออกจากโรงแรมที่พัก ในลักษณะขับติดตามกัน (รถนำ-รถลำเลียง) จึงแสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย พร้อมยาบ้า 500,000 เม็ด (ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ) วางอยู่ภายในรถยนต์ ส่วนรถยนต์อีก 1 คัน พร้อมบุคคล จำนวน 4 ราย (หลบหนี) จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้นพื้นที่รวม 4 จุด (จ.เชียงราย 2 จุด, จ.สระแก้ว 1 จุด, จ.สุพรรณบุรี 1 จุด) ผลการตรวจค้น ไม่พบตัวผู้หลบหนี ไม่พบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย แต่ตรวจยึดเอกสารมาเพื่อตรวจสอบ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ไปรับยาเสพติดที่บนเขา ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จากนั้นนำยาเสพติดบรรจุในกระเป๋าเดินทาง เพื่อรอคำสั่งจากผู้สั่งการ ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 6,000 - 20,000 บาท ลำเลียงโดยใช้รถทัวร์โดยสาร ครั้งที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ลำเลียงยาบ้า 500,000 เม็ด ไปส่งในพื้นที่ อ.รังสิต จ.ปทุมธานี ครั้งที่ 2 เมษายน 2568 ลำเลียงยาบ้า 1 กระสอบ ไปส่งในพื้นที่ จ.สระแก้ว และครั้งที่ 3 พฤษภาคม 2568 ครั้งที่ถูกจับกุม
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ในส่วนของ สำนักงาน ป.ป.ส. มีมาตรการป้องกันในสถานประกอบการเกี่ยวกับระบบขนส่งโลจิสติกส์ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันพบว่าการกระจายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งโลจิสติกส์เอกชน เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมใช้ในการนำส่งยาเสพติดไปยังผู้รับ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ โดยได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนส่งสินค้าหรือพัสดุให้เข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบและบันทึกรายละเอียดของผู้ส่งหรือผู้ฝากส่งสินค้าหรือพัสดุ ให้มีการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด เพื่อหากมีการจับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว จะทำให้สามารถระบุตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในการส่งยาเสพติดได้อย่างถูกต้องชัดเจนทุกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ขอให้ผู้ประกอบการควบคุม ดูแลไม่ให้พนักงานหรือบุคคลภายนอกมั่วสุมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด คัดเลือกพนักงาน และบันทึกประวัติพนักงานไว้เสมอ ให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูล ข่าวสาร หรือพฤติการณ์กับเจ้าหน้าที่เมื่อพบว่ามีการกระทำความผิดในสถานประกอบการ และหากผู้ประกอบการปล่อยปะละเลยหรือฝ่าฝืนมาตรการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการของตน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือสั่งปิดสถานประกอบการชั่วคราว หรือสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการ หรือหากผู้ประกอบการมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเสียเองก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีดังกล่าว ในส่วนของสถานประกอบการ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ใช้อำนาจสั่งปิดกิจการ และได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังบริษัทที่ควบคุมการจดทะเบียน ให้ตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่มาขอเปิดบริษัทสาขา รวมทั้งมาตรฐานของสถานที่ทำการ ความเข้มงวดในการตรวจสอบพัสดุก่อนดำเนินการจัดส่ง และในทางการสืบสวนขยายผล ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีทั้งหมดแล้ว เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไป