วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยถึงกรณีนายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หลังพบว่าขาดคุณสมบัติและจะมีดำเนินการอย่างไรต่อไป ว่า เบื้องต้นจะติดตาม เพราะว่าจริงๆแล้ว เราได้รับทราบและไม่ได้มีข้อโต้แย้งว่าคุณสมบัติของประธาน กสทช. มีการเห็นแย้งจากรายงานที่ทางกรรมาธิการไอซีทีของสภาฯเคยได้ทำเอาไว้  ดังนั้นเมื่อเราฟังได้แบบนั้นก็คงจะต้องมีการดำเนินการในการที่จะส่งหนังสือติดตามว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอย่างไรต่อไปในเรื่องนี้

เบื้องต้นวันที่เรามีการพิจารณาก็มีตัวแทนของกระทรวงดิจิตอลที่ได้มาเข้าร่วมประชุมด้วย ดังนั้นถือว่าเราได้รับรู้รับทราบว่าเรื่องนี้รัฐบาลรับรู้แล้ว สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไปนั้น ก็คงจะต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าทางด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะตนถือว่าข้อเท็จจริงและกระบวนการทางกฎหมายมันชัดเจนก็คงขึ้นอยู่ที่ นายกรัฐมนตรีจะสั่งการต่อไป

เมื่อถามว่าหากกระบวนการดำเนินการทั้งผ่านสภาวุฒิ กับ สภาผู้แทนแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนคิดว่าต้องพุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี เพราะว่า ประธาน กสทช. เป็นตำแหน่งที่เกิดจากการโปรดเกล้าฯ ดังนั้น การที่จะมีการให้ ประธาน กสทช. พ้นจากตำแหน่งคือจะต้องให้พ้นจากการโปรดเกล้าฯ เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ที่จะรับในส่วนของพระบรมราชโองการได้คือด้านนายกรัฐมนตรี

หากด้านนายกรัฐมนตรีจะมีขบวนการในการตรวจสอบ ในเรื่องของรายงานว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการที่จะดำเนินการ แต่ว่านายกรัฐมนตรีจะต้องไม่ควรที่จะปล่อยให้กลายเป็นเรื่องที่ค้างคาและไม่มีความชัดเจนในทางกฎหมาย

ส่วนหากรัฐบาลไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้จะมีการยื่นเรื่องไปถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือหน่วยงานภายนอกหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า  เป็นไปได้ ซึ่งหมายความว่าจะควบคุมองค์ประกอบความผิดว่าเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเพราะว่านายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้าหากองค์ประกอบตามกฏหมายทุกอย่างชัดเจนแล้วว่านายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการอะไรเลย ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีอาจจะถูกดำเนินคดีได้

ทั้งนี้จะมีการเรียกประธาน กสทช. เข้ามาพูดคุยอีกหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตนมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะได้ให้โอกาสทางประธาน กสทช.เข้าชี้แจงแล้ว แต่ทางประธาน กสทช. ไม่มา โดยที่ไม่มีการแจ้งกับทาง กมธ.มั่นคงฯ เป็นหนังสือแต่อย่างใดเรื่องของเหตุผลที่ไม่มา จึงทำให้ตนไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรที่ประธาน กสทช. ไม่มา ดังนั้น ถ้าหากข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆครบถ้วน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็ต้องเป็นเรื่องที่กรรมาธิการจะต้องไปพูดคุยกับฝ่ายบริหารคือทางด้านนายกรัฐมนตรี ต่อไปเพื่อที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ