Pi Daily ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 256 จุด (-0.6%) หลังจาก Trump เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ในอัตรา 50% หลังจากเจรจาการค้าไม่มีความคืบหน้า ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.5% หลังผู้ซื้อในสหรัฐฯเร่งปิดสถานะเพราะตลาดจะปิดทำการในวัน Memorial Day

วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 บล.พายเผยว่า คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯสหรัฐฯรายงานยอดขายบ้านมือหนึ่งที่ 7.43 แสนหลังคาเรือนมากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 6.94 แสนหลังคาเรือน แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนมิได้ให้น้ำหนักกับตัวเลขดังกล่าวเท่าใดนัก เพราะมีข่าวว่า Trump เตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าจาก EU เป็น 50% ด้วยเจรจาการค้าที่ไม่คืบหน้าและรัฐมนตรีคลังระบุว่าข้อเสนอของ EU แย่กว่าหลายๆประเทศ นักลงทุนจึงกลับมากังวลกับประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯกดดันให้เงินไหลออกจากพันธบัตรและตลาดหุ้นสหรัฐฯพร้อมกับทองคำปรับขึ้น

สอดคล้องกับ Dollar Index ที่อ่อนค่า กดดันเงินบาทแข็งค่าทดสอบระดับ 32.45 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ หากพิจารณาทิศทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศแล้วอาจสะท้อนว่าการเจรจาต่างๆมิได้เป็นไปอย่างงายดายทำให้เกิด Downside Risk ต่อประมาณการเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน ตลาดหุ้นจึงจะยังมี Upside จำกัดเช่นเดิม สัปดาห์นี้มีปัจจัยติดตามได้แก่ตัวเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.2%YoY , 0.1%MoM และเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ที่ 2.5%YoY , 0.1%MoM ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามการค้าระหว่างประเทศในวันจันทร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 12.2%YoY

สำหรับตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ก่อนเริ่มเห็นการค่อยๆซึมตัวลง ซึ่งเป็นไปตามที่เราประเมินไว้แม้ Valuation หุ้นไทยจะไม่แพงแต่ยังขาดปัจจัยเชิงบวกจากปัจจัยพื้นฐาน ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนพบว่า Bloomberg Consensus ปรับลดประมาณการกำไรลงจาก 96 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 91.1 บาท / หุ้น ส่วนเศรษฐกิจไทยนั้นมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขการเติบโตช่วง 1Q25 จะเป็นจุดสูงสุดไปแล้วและหลังจากนี้จะแผ่วลงตามการส่งออกที่จะชะลอลงจากการเร่งไปก่อนหน้าและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มลดลงอย่างมีนัยยะในช่วง เม.ย. พ.ค. ดังนั้นตัวเลขกำไรบริษัทจดทะเบียนก็มีแนวโน้มจะลดลงต่อในช่วง 2Q25

นอกจากนี้ยังไม่รวมแรงกดดันการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯหากท้ายที่สุดแล้วไทยเผชิญการเก็บภาษีที่มากกว่าประเทศอื่นจะยิ่งกดดันทิศทางเศรษฐกิจไทยและการบริโภคภายใน สัปดาห์นี้ ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1150 – 1190 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่แนะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพราะการเติบโตยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามการลงทุนระยะสั้นอาจเลือกหุ้นที่ผลกระทบจากแรงกดดันเศรษฐกิจไม่มาก อาทิ หุ้นที่อิงรายได้ต่างประเทศ (MINT) หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น (OSP CBG) หุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยปรับลง (MTC SAWAD)

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
รายงานกำไรปกติใน 1Q25 อยู่ที่ 50 ล้านบาท (-98% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาด แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 48% โดยพลิกกลับมากำไรจากที่ขาดทุนใน 1Q24 (ไตรมาสแรกถือเป็นช่วง Low season ตามปกติของยุโรป) ถึงแม้รายได้จากธุรกิจหลักจะอ่อนตัวอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท (-3% YoY, -12% QoQ) แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย และชำระหนี้ที่ดีขึ้น SG&A-to-sales ที่ 36% (-1 ppts YoY)

OSP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 1Q25 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.27 พันล้านบาท (+53%YoY) หลังตัดรายการพิเศษจากการขายกิจการในเมียนมา 295 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 970 ล้านบาท (+17%YoY, +58%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและ BB consensus คาด รับแรงหนุนจากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่เติบโต 22% YoY พร้อมด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น 380 bps YoY ชดเชยยอดขายเครื่องดื่มในประเทศที่ปรับตัวลดลง 16% YoY 

#ทรัมป์ #ภาษีทรัมป์ #ข่าววันนี้ #ราคาทอง #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ตลาดการเงิน #ราคาทองรูปพรรณ