“นายกฯ” สั่ง “ผู้ว่าฯ” 51 จังหวัด ช่วยประชาชนรับมือฝนหนัก พร้อมเกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ด้าน “ภูมิธรรม” ส่งทหารพร้อมเครื่องมือลงพื้นที่แม่สาย – ทำพนังกั้นน้ำ พร้อมเตรียมเครื่องมือล้างดินโคลนหลังน้ำลด ส่วน “เชียงใหม่”อ่วม น้ำป่าทะลัก อุทยานฯ ประกาศงดเล่นน้ำตกแม่สา 

เมื่อวันที่ 25 พ.ค.68 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสถานการณ์และได้สั่งการให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลประชาชน และช่วยกันทำงาน ซึ่งตนได้หารือร่วมกับนายอนุทิน ว่าหากมีสิ่งใดที่ยังขาดตกบกพร่อง ให้แจ้งเข้ามาเพราะมีหน่วยงานที่มอนิเตอร์เรื่องนี้อยู่ พร้อมที่จะเอาอุปกรณ์ต่างๆที่มีช่วยแก้ไขปัญหาได้เข้าไป ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกันทุกส่วน ยืนยันว่ายังรับมือได้อยู่ไม่มีปัญหา

เมื่อถามถึงการเข้าไปให้ความช่วยเหลือของหน่วยทหาร นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังจากที่เกิดน้ำท่วมขึ้นหลายครั้ง หน่วยทหารมีวิธีการปฏิบัติอยู่แล้ว เพียงแต่ตนได้กำชับให้มีความเข้มข้นมากขึ้น คือเมื่อเกิดเหตุหน่วยทหารและมณฑลทหารบกที่37 ในพื้นที่สามารถเข้าไปได้เลย พร้อมเครื่องมือของทหารที่มีอยู่ และขณะนี้มีทหารช่างในพื้นที่เข้าไปทำพนังกั้นน้ำแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ทหารช่างได้นำบิ๊กแบ็กกั้นน้ำ เข้าไปช่วยในบ้านที่ยังไม่มีการรื้อถอนอยู่ริมตลิ่ง ได้ช่วยอุดช่องว่างต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆ และส่วนใดที่เราทำเหล็กชีทไพล์ (Sheet Pile) สำหรับกันน้ำได้ก็ทำไป เร่งทำงานให้เสร็จทั้งวันทั้งคืน

ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารสถานการณ์น้ำและการประกาศแจ้งเตือนจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่ที่สูง หรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมถึงอีก 51 จังหวัดทั่วประเทศ มีฝนตกต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ โดยนายกฯ ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่มีปริมาณน้ำฝนจำนวนมาก ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดสถานการณ์ ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนเป็นการด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ริมแม่น้ำสาย เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา และในขณะนี้น้ำได้ลดลงเป็นปกติ ทำให้หลายหน่วยงานต้องเร่งกำจัดดินโคลน และช่วยฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชน เพื่อให้สามารถอยู่อาศัยได้ และดินโคลนไม่ขวางทางน้ำหากเกิดฝนตกลงมาอีกครั้ง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแบ่งโซนในการฟืนฟูบ้านเรือนของประชาชน ไว้ 4 โซน A ชุมชนสายลมจอย - ปกครอง อส. โซน B. ชุมชนเกาะทราย - มทบ.37 โซน C ชุมชนไม้ลุงขน - ฉก.ทัพเจ้าตาก และ โซน D ชุมชนเหมืองแดง - อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอำเภอแม่สาย เพื่อเร่งจัดการและเตรียมรับมือกับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝน โดยทางกรมการทหารช่างได้อุดรอยรั่วที่ทำให้น้ำเข้าชุมชนทั้ง 2 จุด ได้เรียบร้อย รวมถึงเสริมแนวป้องกันสูงขึ้นกว่าเดิม ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ทั้งเครื่องสูบน้ำของกรมการทหารช่างโดยมี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ร่วมกับ องค์การบริกหารส่วนจังหวัดเชียงรยเข้ามาเสริม


ด้านในพื้นที่ได้มีการกระจายกำลังพลของ มทบ. 37 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง และอส. เข้าไปช่วยเหลือประชาชนทั้งน้ำ และดินโคลนที่เข้าไปยังบ้านเรือนของประชาชน ส่วนประปาได้มีการเดินเครื่องจ่ายน้ำแล้ว ดินโคลนที่ชำระล้างออกมาจากบ้านได้มาอยู่รวมกันที่ถนน ซึ่งจะมีการจัดการตามลำดับ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เฉพาะกิจ ที่ อ.แม่สาย ดูแลทุกด้านโดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับการแจ้งเตือนภัย และขอให้มีการเตือนภัยผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งรถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ และให้เปิดหอกระจายข่าว ไม่ว่าจะเกิดเหตุกี่โมง เช่น ตี 2 ตี 3 ก็ต้องเปิดแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบทันที และต้องเตรียมการ ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่เช้ามืดในหลายพื้นที่ของจ.เชียงใหม่ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ โดยทางจังหวัดต้องแจ้งเตือนประชาชน ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยอุทยานแห่งชาติ“ดอยสุเทพ-ปุย”ได้ออกประกาศงดให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตกแม่สา ในอำเภอเม่ริม และยังแจ้งเตือนประชาชนในอำเภอหางดง สันป่าตอง และแม่วางตอนล่างให้เตรียมความพร้อมรับมือน้ำป่าจากอำเภอสะเมิง

ขณะที่ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัย ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีประกาศฉบับที่ 6/2568 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 แจ้งว่า ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง พบว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง ระหว่างวันที่ 26 – 30 พฤษภาคม 2568 ดังนี้

พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม ภาคเหนือ จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ลำปาง อุตรดิตถ์ ตาก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง และพังงา

พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน น่าน แพร่ พะเยา สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ ชัยภูมิ มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สระบุรี สุพรรณบุรี สระแก้ว ชลบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นทีเสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24ชั่วโมง นอกจากนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและปฏิบัติตนได้อย่างปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้นในพื้นที่


สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยรายพื้นที่ได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android รวมถึงทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป