เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเดนมาร์กได้ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มอายุเกษียณ โดยได้รับเสียงเห็นชอบ 81 เสียง และไม่เห็นด้วย 21 เสียง

กฎหมายฉบับใหม่นี้จะบังคับใช้กับผู้ที่เกิดหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2513 ซึ่งปัจจุบันอายุเกษียณเฉลี่ยอยู่ที่ 67 ปี แต่ผู้ที่เกิดวันที่ 1 มกราคม 2510 หรือหลังจากนั้น จะต้องเกษียณในอายุที่สูงขึ้นถึง 69 ปี

นางอาน ฮัลส์โบ-ยอร์เกนเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการจ้างงานระบุว่า “จำเป็นต้องเพิ่มอายุเกษียณเพื่อให้สามารถจัดสวัสดิการที่เหมาะสมและยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไปได้”

ประชากรเดนมาร์กมีประมาณ 6 ล้านคน โดยมีประชากรวัย 60-69 ปีราว 713,000 คน และวัย 70-79 ปีประมาณ 580,000 คน ตามข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการของประเทศ

สมาคมบริษัทประกันภัยและกองทุนบำเหน็จบำนาญ (F&P) เปิดเผยว่า จำนวนผู้ทำงานที่ยังคงทำงานจนถึงหรือล่วงเลยอายุเกษียณเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันมีคนเดนมาร์กกว่า 80,000 คนที่เกินอายุเกษียณยังคงทำงานอยู่ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ดี นายจ้างมีความยืดหยุ่น และมีแรงจูงใจทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

Jan V. Hansen ผู้อำนวยการฝ่ายบำนาญของสมาคมกล่าวว่า “การเพิ่มอายุเกษียณเป็น 70 ปีภายในปี 2040 อาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนจำนวนมาก แต่ตัวเลขสะท้อนให้เห็นว่าชาวเดนมาร์กมีสุขภาพดีและต้องการทำงานต่อ แม้จะเกินอายุเกษียณของรัฐแล้วก็ตาม”

อย่างไรก็ตาม พรรคสังคมนิยมแดง-เขียวของเดนมาร์กออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเพิ่มอายุเกษียณสูงเกินไป โดยชี้ให้เห็นถึงเงื่อนไขการเกษียณอายุที่ดีของรัฐมนตรีหลายคนซึ่งสามารถเกษียณได้ตั้งแต่อายุ 60 ปี รวมถึงกลุ่มคนที่ทำงานหนัก เช่น ครู และช่างนั่งร้าน ที่ไม่สามารถทำงานได้นานเช่นนั้น

เดนมาร์กถือเป็นประเทศยุโรปแรกที่กำหนดอายุเกษียณสูงเกิน 60 ปี โดยจะกลายเป็นประเทศที่มีอายุเกษียณสูงสุดในโลก เทียบเท่ากับลิเบีย

ในปี 2566 ประเทศฝรั่งเศสมีการประท้วงใหญ่ต่อต้านการขึ้นอายุเกษียณเป็น 64 ปี ซึ่งยังต่ำกว่าอายุเกษียณใหม่ของเดนมาร์กถึง 6 ปี ส่วนจีนก็มีการปรับเพิ่มอายุเกษียณสำหรับผู้ชายและผู้หญิงตามลำดับ และสหราชอาณาจักรก็กำลังปรับอายุเกษียณขึ้นเป็น 67 ปีในช่วงปี 2569-2571

ทั้งนี้ แม้สหรัฐอเมริกาจะมีอายุเกษียณใกล้เคียงกับสหราชอาณาจักร แต่สิทธิประโยชน์บางอย่างสามารถรับได้ตั้งแต่อายุ 62 ปี และมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่ยังทำงานต่อเนื่อง เนื่องจากสุขภาพที่ดีขึ้น อายุขัยเพิ่ม และความสามารถทำงานจากระยะไกล แต่ส่วนใหญ่ทำงานต่อเพราะขาดแคลนเงิน