เมื่อวันที่ 25 พ.ค.68 นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Veerapun Suvannamai" ระบุว่า เรื่องจริง! อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขจะพัง ในขณะที่ประชาชนยังไม่รู้ตัว!
(ใครไม่อยากให้พังฝากตะโกนดังๆ คนละแชร์ เพื่อช่วยประเทศไทยครับ)
ทุกวันนี้หลายคนยังรู้สึกอุ่นใจว่า “ไปโรงพยาบาลแล้วรักษาฟรี”
บัตรทองทำให้เรารักษาได้โดยไม่ต้องควักเงินจ่ายตอนป่วย — ฟังดูดีมากครับ
แต่ในฐานะคนทำงานในระบบสาธารณสุข ผมอยากเล่าให้ฟังตรง ๆ ว่า ข้างในระบบนี้มันกำลังพังลงอย่างช้า ๆ และถ้าไม่รีบแก้
อีกไม่เกิน 3 ปีข้างหน้า เราอาจไม่มีระบบนี้ให้ใช้กันอีกเลย
โรงพยาบาลรัฐ ขาดทุนหนัก แต่คนไข้ไม่รู้
วันนี้ โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศกำลังขาดทุนอย่างหนักครับ
• มีถึง 218 แห่งที่เงินบำรุงติดลบ
• อีก 91 แห่งเหลือเงินไม่ถึง 5 ล้านบาท ซึ่งน้อยเกินจะเอาไว้รับมือวิกฤตอะไรได้
• ต้นทุนเฉลี่ยในการรักษาผู้ป่วยในอยู่ที่ 13,000 บาทต่อราย
• แต่ สปสช. จ่ายให้แค่ 7,100 บาท เท่านั้น (ข้อมูลปี 2568)
โรงพยาบาลไม่ได้กำไรจากใคร ไม่มีนักลงทุน ไม่มีผู้ถือหุ้น
รายได้ทั้งหมดก็ใช้เพื่อรักษาคนไข้
แต่ตอนนี้ ผมเห็นด้วยตาตัวเองว่า หลายแห่งต้องควักจ่ายเองเกือบครึ่ง และมันไม่ไหวแล้วครับ
นโยบายดี แต่ไม่มีเงินพอจะทำ
ผมไม่ได้ค้านนโยบายใหม่ ๆ เลย เช่น
• ส่งยาให้ผู้ป่วยถึงบ้าน
• ให้คนไปรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน
• เจาะเลือดถึงที่บ้าน
ฟังดูดีและช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลได้จริง
แต่คำถามคือ… แล้วงบมาจากไหน?
เพราะตอนนี้แค่รักษาคนไข้หนัก ๆ ยังแทบไม่มีเงิน
บางแห่ง ICU เตียงเต็ม คนไข้รอคิว
ในขณะที่งบก้อนหนึ่งกลับถูกใช้ไปกับบริการที่ “เบา” กว่า และควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า งบที่เคยมี… กำลังหายไปทีละปี
ตอนหลังโควิด เคยมีเงินในระบบสูงถึง 80,000 ลบ. แต่ลดลงปีละเกือบ 20,000 ลบ. ตอนนี้เหลือประมาณ 40,000 ลบ. คาดว่าอีกไม่ถึง 3 ปี อาจไม่มีเหลือ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
และมีแนวโน้มว่าจะ “หมด” ภายใน 3 ปี
ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ — นี่คือข้อมูลจากโรงพยาบาลจริง ๆ
ถ้าไม่มีใครเริ่มแก้ตอนนี้ เราจะเห็นโรงพยาบาลทยอยเจ๊ง
และระบบที่เคยรักษาคุณได้ฟรี อาจไม่มีให้คุณใช้อีกต่อไป
ถึงเวลาที่ทุกคนรงมถึง สปสช ต้องพูดความจริง
วันนี้คนในระบบเริ่มพูดกันตรง ๆ ว่า ต้องกล้ายอมรับว่า “ระบบมีปัญหา” และรีบหาทางแก้ด้วยกัน
ข้อเสนอที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง:
• หยุดเพิ่มสิทธิประโยชน์แบบไม่ดูงบ
• ปรับอัตราค่ารักษาให้ตรงกับต้นทุนจริง
• ถ้ามีนโยบายใหม่ ต้องชัดเจนว่า ใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
• ตั้งกองทุนช่วยโรงพยาบาลที่กำลังล้ม
• ใช้ทรัพยากรให้เหมาะกับระดับความรุนแรงของผู้ป่วย
ประชาชนควรรู้ความจริง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ผมเข้าใจดีครับว่าทุกคนอยากได้บริการที่ดี รวดเร็ว และไม่ต้องเสียเงิน
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ระบบแบบนั้นต้องมีคนแบกรับต้นทุน
ถ้าไม่มีใครแบก… สุดท้ายก็จะพังไปทั้งระบบ
ผมไม่ได้เขียนเพื่อให้ใครตกใจ
แต่เขียนเพื่อบอกว่า ถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันแล้วครับ
ถ้าเราไม่เริ่มจากการ “ยอมรับความจริง” วันนี้
วันหน้าคำว่า “รักษาฟรี” อาจจะเหลือแค่ในความทรงจำ
สรุปจากงานสัมมนา “ทิศทางการดำเนินงานระบบบัตรทองในปัจจุบันและอนาคต“