ยืดอกอย่างลูกผู้ชาย “เสก โลโซ” เดินเข้าคุกแบบไม่ต้องมีอารัมภบท

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 “เสก โลโซ” หรือ เสกสรรค์ ศุขพิมาย นักร้องชื่อดังระดับตำนานแห่งวงโลโซ เดินทางเข้ารับโทษตามคำพิพากษาของศาลในคดียิงปืนขึ้นฟ้า พกปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และเสพยาเสพติด โดยไม่หลบ ไม่หนี ไม่ร้องขอเลื่อนหรือใช้อภิสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

มีการแชร์คำพูดที่ระบุว่าเป็นของเสก โลโซว่า“ผมขอรับผิดอย่างลูกผู้ชาย เข้าคุกเพื่อชดใช้ และจะกลับออกมาสร้างประโยชน์ให้สังคม”

กลายเป็นวาทะที่ฟาดแรงไม่แพ้เนื้อเพลง "ใจสั่งมา"

นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนทั้งประเทศต้องหยุดมอง…ไม่ใช่เพราะเขา “ผิด” แต่เพราะเขา “กล้ายอมรับผิด”

ในขณะที่ภาพของเสก โลโซ เดินเข้าคุกด้วยความนิ่ง และไม่โทษใคร กลับตัดสลับกับภาพของ “นักการเมืองระดับชาติ” บางคนที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อหนีการรับโทษ

บางคน หลบหนีออกนอกประเทศ ไปใช้ชีวิตหรูหรา

บางคน เข้ารพ.ตำรวจทันที ที่ศาลมีคำสั่ง

บางคน ขอเลื่อน ขอพักโทษ ขอประกันตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

และทั้งหมดนี้ทำภายใต้กรอบของ “กฎหมาย” แต่เป็นการใช้สิทธิที่ “คนธรรมดา” ไม่มีวันทำได้

“เสก” คนธรรมดาที่เคยหลงทาง แต่เลือกจะหันกลับ

เสก โลโซไม่ได้ปฏิเสธว่าชีวิตเขาเคยพัง เคยหลุด เคยทำร้ายคนรอบตัว

แต่เขายอมรับ เขาเรียนรู้

และเขาเลือกที่จะรับผลของสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

ต่างจากนักการเมืองบางราย ที่มีบทบาทในสภา มีอำนาจมหาศาลในการชี้เป็นชี้ตายชีวิตคนอื่น แต่พอถึงคราวต้องรับผิด…กลับทำทุกวิถีทางเพื่อหนี

แน่นอน “การขอความเป็นธรรม ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การขอแล้วไม่หยุด จนกลายเป็นการ ‘ยื้อเวลา’ มันต่างกันมาก”

การรับโทษตามกฎหมายไม่ใช่สิ่งน่าอาย มันคือการยอมรับว่า "ฉันเคยทำผิด" และเมื่อคนกล้ายอมรับผิด สังคมพร้อมจะให้อภัยเสมอ

สิ่งที่น่าอายจริง ๆ คือ “การหาทางหนี” เพราะมันบอกอย่างชัดเจนว่า คน ๆ นั้นไม่ได้สำนึกในสิ่งที่ทำ

และไม่เคยคิดว่า “ตัวเองต้องรับผิด”

ในโลกยุคโซเชียล ไม่มีอะไรปิดได้สนิทอีกต่อไป คนจำได้ว่าใคร “รับผิดชอบ” และใคร “รับไม่ได้กับความผิดตัวเอง”

เสก โลโซ กลายเป็นตัวอย่างของการชดใช้ที่น่าชื่นชม แม้จะเคยหลงทาง แต่เขาไม่เคยใช้ “ข้ออ้าง” หรือ “อำนาจ” เพื่อหนี

ในทางกลับกัน ภาพของนักการเมืองใหญ่ที่หนีคำพิพากษากลายเป็น “ความทรงจำหม่น ๆ” ที่ทำให้ประชาชนยิ่งหมดศรัทธาในระบบยุติธรรมไทย

ลูกผู้ชายตัวจริง ไม่ใช่แค่ใส่สูท พูดในสภา

บางคนพูดเก่ง ปราศรัยเก่ง

บางคนมีแฟนคลับ

บางคนชูประชาธิปไตยเป็นสร้อยคอ

แต่พอถึงคราวต้องรับผิด…กลับหลบหลังม่านโรงพยาบาล

เสก โลโซไม่มีตำแหน่ง ไม่มีอำนาจ แต่เขาทำในสิ่งที่ “คนเป็นผู้ใหญ่” ควรทำ

นั่นคือ “รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อ”

การกระทำของเสก โลโซ ทำให้คำว่า “ยุติธรรม” ยังพอมีความหวัง

เขาไม่ได้ขออภิสิทธิ์

ไม่ได้โพสต์ซึ้งเรียกคะแนน

แต่ยอมเดินเข้าคุกในฐานะคนที่เคยทำผิด และพร้อมจะเริ่มต้นใหม่

ต่างจากคนที่เคยครองตำแหน่งใหญ่โตในรัฐบาล กลับเลือกเส้นทางที่เต็มไปด้วยข้อแม้และความคลุมเครือ

จนทำให้คำว่า "กฎหมายเท่าเทียม" ฟังดูตลกร้ายสำหรับประชาชน

บทเรียนจากเสก โลโซ คือความผิดพลาดไม่ใช่จุดจบ แต่การไม่ยอมรับผิดต่างหากที่ทำลายคุณค่าของมนุษย์

นักการเมืองที่ใช้ทุกช่องเพื่อหนี อาจจะรอดจากคุก แต่จะไม่รอดจากสายตาประชาชน

เพราะในยุคนี้...คนจำไม่ใช่แค่ “ว่าใครพูดอะไร” แต่จำว่า “ใครกล้าทำในสิ่งที่พูดยากที่สุด” — นั่นคือ "ขอโทษ" และ "รับผิดชอบ"

 

#เสกโลโซ #ยืดอกเดินเข้าคุก #นักการเมืองหนีคดี #รับผิดอย่างลูกผู้ชาย #กฎหมายต้องเท่ากัน