เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 หลังพรรคประชาชนประกาศเตรียม 50 ขุนพลร่วมอภิปราย และจะช่วยหาเงินผ่านการตัดงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็น ว่าไม่มีปัญหา จะเตรียม 50 คน หรือ100 คนก็เตรียมไป เพราะเป็นหน้าที่ที่เขาต้องตรวจสอบอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้ตรวจสอบอย่างมีเหตุผล และหากมีปัญหาอะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ก็วิจารณ์มา หรือถ้ามีข้อเสนออะไรก็เสนอมา รัฐบาลก็จะรวบรวมไปดูว่าจะแก้ไข ปรับปรุงอย่างไร ข้อเสนอที่สอดคล้องกับความเป็นจริงและมองการแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ รัฐบาลรับฟังอยู่แล้ว อะไรที่เป็นการวิจารณ์แบบใช้อารมณ์ ความรู้สึก หรือเป็นการวิจารณ์ทั่วไป ก็รับมาอย่างพึงสังวรณ์ เป็นอุทาหรณ์ ว่ามีเรื่องที่คนเห็นต่าง แม้ว่าจะใช้อารมณ์วิจารณ์หลายเรื่องก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
นายภูมิธรรม ยังอยากให้วิจารณ์กันอย่างตั้งใจเต็มที่ ไม่อยากให้ต้องแสดง ไม่อยากให้เป็นการแสดง รู้ว่าเป็นฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ค้าน ไม่ว่าอยู่แล้ว รัฐบาลก็ไม่มีอะไรต้องพร้อม เพราะเกิดจากกระบวนการที่ได้ให้รัฐมนตรีประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในแต่ละกระทรวงตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงลงไป และได้มีการทำแผนจากประสบการณ์จริง เรานำเสนอเพื่อให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าออกนอกกติกาก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า กระทรวงกลาโหมเป็นเป้าในการถูกตัดงบประมาณ จนกระทบปฏิทินการซื้ออาวุธทดแทนมาโดยตลอดนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมจัดงบประมาณแบบเดิม ซึ่งต่างฝ่าย ต่างมอง แต่ขณะนี้เราเข้าใจกันในระดับ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ระดับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงว่าในการจัดวางต้องคุยกันทั้งหมด ว่ายุทธศาสตร์แต่ละช่วงเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลง มีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้น คงต้องมาปรับอีกที แต่การปรับทีเดียวคงไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ คงต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน ตอนนี้ตนและพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้คุยกับเหล่าทัพถึงความจำเป็นในการรับมือภัยพิบัติ รวมถึงความท้าทายใหม่ๆ ภัยธรรมชาติ หรือความขัดแย้งในโลก หรือความเกี่ยวพันทางการค้า ซึ่งขณะนี้ความมั่นคงไม่ได้อยู่ในมิติเดิม ทุกคนก็เข้าใจ
ดังนั้นการปรับก็จะมีมากขึ้น และให้มีเวลาในการนำเสนองบประมาณล่วงหน้า ไม่ใช่นำเสนอช่วงท้าย เพราะบางครั้งก็ไม่สอดรับกัน ถ้าเสนอล่วงหน้าอาจจะทำให้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งตนคิดว่ากระทรวงกลาโหมอยู่ระหว่างการปรับกระบวนการต่างๆ ให้รับใช้ประชาชนมากขึ้น และทำหน้าที่ปกป้องประเทศให้ดีที่สุด เช่น เรื่องภัยธรรมชาติ ขณะนี้ก็กลายเป็นภาระที่กลาโหมต้องรับผิดชอบ เพราะมีความพร้อม มีระเบียบวินัยเพียงพอในการเข้าไปแก้ไขปัญหา จะเห็นได้ว่าเวลาเกิดภัยพิบัติกองทัพก็จะเข้าไปทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง