เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์เขต 9 ในเมืองซานฟรานซิสโกทันที หลัง ผู้พิพากษาซูซาน อิลสตัน ออกคำสั่งห้ามหน่วยงานรัฐบาลกลางเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก จนกว่าจะมีคำตัดสินในคดีความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแผนการปรับโครงสร้างภาครัฐของทรัมป์
คำสั่งของผู้พิพากษาอิลสตัน ซึ่งออกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ระบุว่า การเลิกจ้างจำนวนมากในหน่วยงานรัฐบาลกลาง ไม่สามารถดำเนินการได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก รัฐสภาสหรัฐฯ (Congress) ก่อน โดยเธอชี้ว่า การปรับขนาดองค์กรภาครัฐในวงกว้างเป็นการใช้อำนาจที่ต้องผ่านความเห็นชอบตามกระบวนการทางกฎหมาย
ฮาร์ริสัน ฟิลด์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยต่อคำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญให้อำนาจประธานาธิบดีในการบริหารงานฝ่ายบริหาร รวมถึงการปรับลดบุคลากรซึ่งมีมาแล้วเกือบ 150 ปี พร้อมกล่าวหาศาลว่าก้าวก่ายอำนาจบริหารอย่างไม่เหมาะสม
คดีนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารและตุลาการ โดยกลุ่มผู้ฟ้องซึ่งประกอบด้วย สหภาพแรงงาน องค์กรไม่แสวงหากำไร และรัฐบาลท้องถิ่น ต่างคัดค้านแผนของทรัมป์ที่ต้องการ ลดขนาดหน่วยงานรัฐ หรือยุบบางองค์กรลง รวมถึงลดสิทธิของพนักงานในการรวมกลุ่มเป็นสหภาพแรงงาน และปรับเงื่อนไขให้การเลิกจ้างข้าราชการทำได้ง่ายขึ้น
รัฐบาลทรัมป์ระบุว่า การอุทธรณ์ครั้งนี้มีขึ้นเนื่องจากเห็นว่า คำตัดสินของผู้พิพากษาอิลสตันเกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักการแบ่งแยกอำนาจ และถือเป็นการสกัดความพยายามในการปฏิรูประบบราชการที่ทรัมป์และที่ปรึกษาคนสำคัญอย่าง อีลอน มัสก์ พยายามผลักดันอย่างหนัก
คำสั่งของอิลสตันจึงถือเป็นหนึ่งใน อุปสรรคสำคัญจากฝ่ายตุลาการ ต่อแผนการรื้อระบบภาครัฐ ลดกำลังพล และจำกัดสิทธิแรงงานภาครัฐของรัฐบาลทรัมป์