แน่นอนว่าปัจจุบันในยุคที่ทุกคนในโซเชียลมีการแข่งขันกันเพื่อให้เกิดความสนใจบนหน้าฟีดมีมากขึ้นนั้น แน่นอนว่าการสร้างคอนเทนต์ให้โดดเด่นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายๆ คนอาจจะมีรูปภาพสวยๆ คลิปดีๆ พร้อมทั้งมีเนื้อหาน่าสนใจ แต่ถ้าแคปชั่นที่คุณลงนั้นไม่สามารถสะกดสายตาของผู้คนในโซเชียลได้ตั้งแต่บรรทัดแรกนั้น ทุกอย่างก็อาจถูกเลื่อนผ่านไปในไม่กี่วินาทีหลายคนมองข้ามความสำคัญของแคปชั่น คิดว่าเป็นแค่ข้อความแนบรูปหรือวิดีโอแต่รู้ไหมว่า บางครั้งแค่เปลี่ยนแคปชั่นเพียงไม่กี่คำ ปั้มใจเฟส ยอดแชร์ และยอดคอมเมนต์ก็สามารถเปลี่ยนจากหลักสิบเป็นหลักพันเลยก็ได้เพราะแคปชั่นที่ดีไม่ใช่แค่ บอก แต่ต้องดึงดูดให้ผู้คนมีความสนใจในโพสต์ของคุณ และแน่นอนว่าวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเทคนิคการเขียนแคปชั่นสุดปัง เพื่อให้เกิดความน่าสนใจในแต่ละโพสต์ของคุณ มาตามไปชมกันเลยค่ะว่ามีวิธีไหนที่น่าสนใจกันบ้าง

1. เปิดแคปชั่นด้วย “คำถามชวนคิด” หรือ “ประโยคกระแทกใจ”

เปิดแคปชั่นด้วย “คำถามชวนคิด” หรือ “ประโยคกระแทกใจ” อีกหนึ่งวิธียอดฮิตของอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้คน พ่อค้าแม่ค้าในโซเชียล ที่บอกได้เลยว่ามีความสำคัญและวิธีนี้เป็นวิธีที่จะสามารถดึงดูดผู้คนให้หยุดเลื่อนผ่านและต้องหยุดอ่านโพสต์ของเราอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่สำคัญมากๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีหลากหลายแคปชั่นที่สามารถใช้และสามารถหยุดกระตุ้นข้อสงสัยของผู้อ่านได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าการเปิดแคปชั่นด้วย “คำถามชวนคิด” หรือ “ประโยคกระแทกใจ” เป็นอีกหนึ่งวิธีที่รับรองเลยค่ะว่าถ้าใครได้ใช้วิธีดังกล่าวนั้น ยอดไลค์ของคุณจะต้องพุ่งกระฉุดอย่างแน่นอน และที่สำคํยการใช้วิธีนี้ให้ได้ผลทุกคนจะต้องคำนึงถึงผู้คนที่ต้องเข้ามาอ่านและอิโมจิที่สะดุดตาเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดในโพสต์ทำให้ผู้คนหยุดอ่านในทันทีอีกด้วย

2. ใช้ภาษาพูดที่ใกล้ชิด เหมือนคุยกับเพื่อน

ใช้ภาษาพูดที่ใกล้ชิด เหมือนคุยกับเพื่อน แน่นอนว่าวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายๆ คนนั้นใช้ในการเขียนแคปชั่น ทำให้เป็นกันเอง น่าอ่านและเข้าใจง่าย ซึ่งแน่นอนว่าแคปชั่นที่ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชอบนั้น จะเป็นแคปชั่นที่ทำให้ผู้คนที่หยุดอ่านโพสต์รู้สึกอิน และแน่นอนว่าวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถนำมาใช้งานอย่างได้ผลสุดๆ และไม่ต้องพึ่ง เว็บปั้มไลค์ facebook ฟรี  และแน่นอนว่าหลายๆแบรนด์นั้น นำวิธีการนี้มาใช้เพื่อโฆษณาและขายสินค้า ทำให้แบรนด์ดูมีความน่าเชื่อถือและดูเป็นกันเองเข้าถึงง่าย และเทคนิคสุดปังที่ผู้คนเลือกใช้มากๆ นั้นจะเป็นการเขียนเรื่องราวให้เหมือนการเล่าให้เพื่อนฟัง และใช้คำพูดที่ตัวเองพูดบ่อยเพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้แก่ผู้ที่เข้ามาอ่านอีกด้วย

3. แทรกอารมณ์และคำที่กระตุ้นการมีส่วนร่วม

สำหรับวิธีการแทรกอารมณ์และคำที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมในโพสต์ของคุณนั้น รียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีผู้คนใช้การอย่างมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าการแทรกอารมณ์นั้นหมายถึงการใช้คำพูด ประโยค หรือเนื้อหาที่กระตุ้นความรู้สึกของผู้อ่าน เช่น ความสุข ความเศร้า ความตื่นเต้น ความสงสาร หรือแรงบันดาลใจ เพื่อให้เนื้อหาดูน่าสนใจและเข้าถึงหัวใจของผู้อ่านมากขึ้น และแน่นอนว่าถ้าคุณใช้รูปประโยคในการโพสต์แต่ก่อนเป็นแคปชั่นที่ดูไม่มีอะไร เปลี่ยนเป็นเพิ่มความน่าสงสัยและฉุดคิดให้แก่ผู้อ่าน ทำให้ผู้อ่านหรือผู้ที่มาเห็นนั้นหยุดอ่านโพสต์ของคุณในทันใด และแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญเลยก็คือการใส่อิโมจิ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและน่าดึงดูดในโพสต์ของคุณอีกด้วย ใครที่อยากได้โพสต์ที่โดเด่นและน่าสนใจ บอกเลยว่าการแทรกอารมณ์และคำที่กระตุ้นการมีส่วนร่วมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีความน่าสนใจและรับรองได้เลยว่ายอดไลค์ของคุณนั้นพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ

4. เขียนให้ “อ่านแล้วจบ” ไม่ต้องเดา

ทุกคนเคยเขียนโพสต์หรือเนื้อหาแล้วรู้สึกว่าคนอ่านแค่เลื่อนผ่านไหมคะ บางครั้งในโพสต์นั้นไม่ใช่เพราะเนื้อหาของโพสต์นั้นไม่ดีนะ แต่เป็นเพราะการเปิดเรื่องที่ไม่โดนใจผู้อ่านซักเท่าไหร่ และแน่นอนว่าวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักเทคนิคการเขียนแบบ “อ่านแล้วจบ ไม่ต้องเดา” ที่จะสามารถช่วยให้คนอ่านเข้าใจทันทีว่าเรื่องนี้พูดถึงอะไร และทำให้อยากอ่านต่อจนจบ และแน่นอนว่าบางที บางโพสต์ก็อาจจะมีแคปชั่นที่ยาวแต่ก็ไม่สามารถจับใจความสำคัญได้ ซึ่งแน่นอนว่าการโพสต์แบบนี้ทุกคนต้องหลีกเลี่ยงเพื่อยอดไลค์ที่ไม่ปังกันนะคะ และวิธีที่จะทำให้ยอดไลค์ปังนั้นจะต้องเป็นแคปชั่นและโพสต์ที่ได้ใจความ มีข้อความสรุปที่แน่ชัดและผู้อ่านทุกคนสามารถเข้าใจถึงการสื่อของโพสต์ของคุณ และที่สำคัญคุณต้องใช้ถาษที่ตรงไปตรงมาและไม่อ้อมค้อม เพื่อป้องกันการสับสนในการอ่านของคนอ่านหลายๆ คนได้

5. อย่าลืม Call to Action (CTA) ที่ชัดเจนแต่ไม่ขายเกิน

สำหรับเทคนิคสุดปัง ที่ใครหลายๆคนนั้นมองข้ามนั่นก็คืออย่าลืม Call to Action (CTA) ที่ชัดเจนแต่ไม่ขายเกิน ซึ่งแน่นอนว่าเทคนิคนี้เป็รนเทคึนิคที่มีผู้คนใช้กันอย่างหลากหลายและเป็นจำนวนมากใน Facebook  ซึ่งแน่นอนว่า Call to Action (CTA) คือการกระตุ้นให้ผู้อ่าน “ลงมือทำบางอย่าง” หลังจากอ่านเนื้อหาจบ เช่น กดติดตาม แชร์ แสดงความคิดเห็น หรือทดลองทำตามแต่ CTA ที่ดี ต้องไม่บังคับหรือยัดเยียดการขายสินค้าให้แก่ผู้อ่านมากจนเกินไป แต่ควรเป็นการเชิญชวนอย่างเป็นมิตร ให้ความรู้สึกอยากที่จะทำไม่ใช่จำใจทำ ซึ่งแน่นอนว่าตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้มีอย่างมากมายใน Facebook ซึ่งแน่นอนว่าถ้าอยากให้ได้ผลมากที่สุดคุฯจะต้องใช้ถ้อยคำที่เป็นกันเอง ไม่เป็นทางการจนเกินไป และไม่ทำให้คนอ่านนั้นเกิดความกดดันในการอ่าน ซึ่งเทคนิดคนี้เราก็ได้นำตัวอย่างดีๆ มาให้ทุกคนได้อ่านกันอีกด้วยนะคะอย่างเช่น “อยากเห็นเทคนิคแบบนี้อีกไหม? กดติดตามไว้เลยครับ” หรือ “ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้ควรมีคนอื่นรู้ด้วย แชร์ต่อได้นะ”

สรุป: แคปชั่นไม่ใช่แค่คำบรรยาย แต่คือ “ตัวเรียกคน” ที่ดีสุดบนโซเชียล

หลายคนคิดว่าแคปชั่นคือแค่คำบรรยายใต้โพสต์แต่ในโลกของโซเชียลมีเดียที่คนเลื่อนผ่านทุกวินาที แคปชั่นคือด่านแรก ที่จะ “ดึงสายตา” และ “ดึงใจ” ผู้คนให้สะดุดตาและหยุดอ่านที่โพสต์ของคุณ ซึ่งแน่นอนว่าแคปชั่นของคุณนั้นเท่ากับตัวเรียกคน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าแคปชั่นของคุณไม่น้าสนใจก็จะทำให้ไม่มีผู้คนในโซเชียลสนใจโพสต์ของคุณอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณทำให้ข้อความของคุณนั้นโดดเด่น และมีการใช้ภาษที่เป็นกันเองพร้อมกับสรุปใจความสั้นที่เป็นที่น่าสนใจ จะเป็นวิธีเรียกคนเข้ามาอ่านโพสต์ของคุณได้เป้นอย่างดีเลยค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าการเขียนแคปชั่นที่ดีจะต้องประกอบด้วย3วิธีในการเขียนโพสต์นั้นได้แก่ เปิดด้วยสิ่งที่สะดุดตา นั้นก็คือการใช้คำถามและปัญหา อารมณืเพื่อให้ผู้คนรู้สึกมีส่วนร่วม ต่อมาจะเป็นการใช้ขข้อความที่กระชับไม่ยาวจนเกินไป วิธีนี้จะทำให้ผู้คนไม่สนใจเพราะไม่สามารถสรุปใจความสำคัญของโพสต์ได้ และสุดท้ายคือ จบด้วย Call to Action แบบเลิศๆ บอกได้เลยค่ะว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่บอกเลยว่าได้ผลสำเร็จและมียอดไลค์ที่ปังอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวค่ะ