วันที่ 23 พ.ค.2568 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพุทธสถานอุทยานหลวงพ่อวัดไร่ขิง ซึ่งอยู่ภายในพื้นที่ของกรมทางหลวง ริมถนนมะลิวัลย์ พื้นที่บ้านโพนสว่าง ม. 10 ต.จระเข้ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ติดกับหน่วยบริหารประชาชนตำรวจทางหลวงหนองเรือ ซึ่งถูกยกให้เป็นสถานที่สักการะหลวงพ่อวัดไร่ขิง ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงองค์พระประธานหลวงพ่อวัดไร่ขิง และ องค์พระสังขจาย ซึ่งด้านหลังมีตราวัดไร่ขิงพระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม ขนาดใหญ่ประทับอยู่ที่องค์พระสังขจายด้วย และพบว่ามีคนงานกำลังขุดดินเพื่อเตรียมปลูกต้นไม้โดยรอบบริเวณ ซึ่งจากการสอบถามคนงานทราบว่าทางกรมทางหลวงได้มีโครงการปรับภูมิทัศน์โดยรอบเพื่อทำการปลูกต้นไม้ไว้เป็นจุดแวะพักรถของผู้เดินทางสัญจรผ่านถนนสายหลัก
ส่วนบริเวณฐานองค์พระประธานหลวงพ่อวัดไร่ขิงพบว่าภายในมีพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ภายในฐานองค์พระฯ พร้อมทั้งมีตู้รับบริจาคค่าน้ำ-ค่าไฟ วัดพุทธอุทยานตั้งอยู่ รวมทั้งตู้รับบริจาคที่เป็นตู้เซฟ แต่พบว่ามีร่องรอยถูกงัดจนเสียหายไม่มีเงินอยู่ภายในตู้แล้ว และยังพบว่าที่บริเวณด้านหลังองค์พระประธานหลวงพ่อวัดไข่ขิง ที่ใต้บันไดทางขึ้นมีเลข พ.ศ.2557 ประทับอยู่ ซึ่งเป็นปี พ.ศ.ที่สร้างองค์พระประธานหลวงพ่อวัดไร่ขิง รวมเวลากว่า 10 ปีแล้ว และด้านบนของฐานสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์และสามารถกราบสักการะองค์พระประธานหลวงพ่อวัดไร่ขิงได้อีกด้วยซึ่งจากข้อมูลการสร้างองค์พระประธานหลวงพ่อวัดไร่ขิงนั้น พบว่าผู้สร้างคือนายสัตวแพทย์สมชาย หรือหมอช้าง อดีตสามีของ สาวเตย คนสนิทของทิดแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเคยเป็นลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปขอพบกับหมอช้างซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับพุทธสถานอุทยานหลวงพ่อวัดไร่ขิง แต่ทางหมอช้างให้คนงานมาบอกว่าไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เพราะเป็นเรื่องที่นานมาแล้วไม่ขอพูดถึง แต่จากการตรวจสอบข้อมูลนั้น หมอช้างได้เลิกรากับสาวเตยมานานกว่า 10 ปีแล้ว และไม่ได้ติดต่อกันอีกหลังเลิกรากัน
ด้าน นางบัวศร อายุ 73 ปี ชาวบ้านบะยาว ม.6 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น คนงานที่มาเตรียมปลูกต้นไม้ให้กับกรมทางหลวง กล่าวว่า บ้านของตนเองอยู่หมู่บ้านติดกันกับสถานที่แห่งนี้ โดยองค์พระประธานมีการสร้างขึ้นมาได้ 10 ปีแล้ว รู้เพียงแต่ว่าเป็นสาขาของวัดไร่ขิงแต่ไม่รู้ที่มาที่ไป ส่วนตัวเคยมาอยู่ครั้งสองครั้ง แต่ก็จะมีชาวบ้านที่สัญจรผ่านมาแวะมากราบสักการะขอพรอยู่ตลอด และยกมือไหว้บีบแตรรถเมื่อขับผ่าน
"หลังจากที่เห็นข่าวก็ตกใจไม่คิดว่าจะเกี่ยวเนื่องกับอยู่ที่นี่ด้วย รู้แค่เพียงว่าเป็นสาขาของที่นครปฐม แต่ลึกๆไม่ทราบว่าเป็นมายังไง และที่ดินตรงนี้เป็นที่ของกรมทางหลวง แต่คนสร้างพระนั้นไม่ใช่กรมทางหลวง มีการมาสร้างเอาไว้ ทางกรมทางหลวงจึงทวงพื้นที่คืนและมีการปรับปรุงมา ในส่วนของข่าวที่เกิดขึ้นนั้นมองว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคล ยังคงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่ และที่นี่ก็ไม่เคยเห็นอดีตเจ้าอาวาสมาที่นี่ มีเพียงพระที่อยู่ด้านในมาคอยดูแลบ้างแต่ไม่เคยพบเห็นการทำพิธีอะไรหรือบวงสรวงอะไร"นางบัวศร กล่าว
ขณะที่ น.ส.ฉวีวรรณ แสงกล้า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโพนสว่าง หมู่ที่ 10 ต.จระเข้ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เท่าที่ทราบคนสร้างคือนายสัตวแพทย์สมชาย หรือหมอช้าง เป็นคนในพื้นที่มีที่ดินติดกันกับที่ตรงนี้กระทั่งมาทราบภายหลังว่าเป็นที่ของกรมทางหลวงจึงมีการทวงพื้นที่ตรงนี้คืนไปทำเป็นจุดแวะพักให้กับผู้สัญจรริมถนน และให้ทางหมอสมชายย้ายของสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไป เหลือเพียงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ และเห็นว่าองค์พระประธานหากตั้งอยู่จุดเดิมก็ไม่ได้ความเสียหายอะไรจึงยังเก็บไว้อยู่ เพื่อให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้แวะสักการะ แต่มีบางส่วนเคลื่อนย้ายไปที่วัดซึ่งอยู่ทางด้านหลังแต่ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกับทางวัดไร่ขิงแต่อย่างใด
" ที่ผ่านมาก็จะมีชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปผ่านมาและคนที่ศรัทธาวัดไร่ขิงนำพวงมาลัยมาไหว้ และบริจาคภายในตู้บริจาคแต่ปัจจุบันถูกงัดเอาเงินออกไปหมดแล้วเนื่องจากไม่มีคนดูแล และในส่วนของการสร้างนั้นก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงได้มาสร้างหรือเงินที่วัดไร่ขิงเยอะอันนี้ก็ไม่ทราบก็ได้แต่ติดตามจากในข่าวเท่านั้น"น.ส.ฉวีวรรณ กล่าว
ด้านนางทัศนีย์ อายุ 71 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า อดีตข้าราชการครูเคยสอนหมอสมชาย เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าที่มาที่ไปเป็นมายังไง แต่รู้ว่าหมอสมชายเป็นคนสร้าง ในส่วนของหมอสมชายนั้น เท่าที่รู้จักเป็นคนดีชอบทำบุญ แต่ไม่ทราบว่าเป็นลูกศิษย์อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงหรือไม่ หลังจากที่มีการสร้างพระพุทธรูปดังกล่าวขึ้นก็เห็นเพียงหมอสมชายเป็นคนดูแลแต่ไม่เคยมาเรี่ยไรเงินหรือบอกกล่าวให้ใครมาร่วมทำบุญ
"บ้านของหมอสมชายก็อยู่ติดกันกับสถานที่ดังกล่าวมีการเปิดเป็นบ้านจิตอาสาเพื่อรับบริจาคสิ่งของไปช่วยเหลือคนยากไร้ตามที่ต่างๆแต่ไม่เคยเปิดรับบริจาคเป็นเงิน และการตั้งสถานที่ดังกล่าวมีเพียงประชาชนที่มาทำบุญแบบมากราบไหว้สักการะแต่จะไม่มีมาในรูปแบบของการบริจาคเงิน แต่จะเห็นอยู่ครั้งหนึ่งที่มีญาติโยมบอกว่ามาจากวัดไร่ขิงนำพวงมาลัยมาสักการะจำนวนมากเท่านั้น หลังจากเห็นข่าวก็ตกใจที่คนในวงการพระพุทธศาสนามาทำเรื่องแบบนี้ ซึ่งศาสนาไม่ได้ทำให้เสียแต่เป็นคนที่ทำให้ศาสนาเสีย เพียงเพราะความโลภ หักห้ามใจไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวก็ยังเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่แม้จะไม่พ้นทุกข์แต่ก็สามารถคลายทุกข์ได้"นางทัศนีย์ กล่าว