จากกรณี ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษา ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนใน คดีโครงการรับจำนำข้าว เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 10,028,861,880.83 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 22 พ.ค.68 ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า ในฐานะทนาย ผมขออธิบายให้เข้าใจตรงนี้ครับว่า
ทำไม อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึงต้องรับผิดชอบเป็นเงิน 10,028,861,880.83 บาท
แม้ศาลจะยืนยันว่าเธอ “ไม่ได้เป็นผู้ทุจริตโดยตรง”
⸻
1. ไม่ได้โกงเอง แต่ปล่อยให้คนอื่นโกง
ศาลปกครองสูงสุดชี้ว่า ในช่วงที่ดำเนินโครงการรับจำนำข้าว
มีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในขั้นตอน “ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ” (G to G)
หน่วยงานตรวจสอบ เช่น สตง. และ ป.ป.ช. ส่งหนังสือเตือนว่าเกิดความเสียหาย
แต่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ กลับเพิกเฉย
⸻
2. หน้าที่โดยตำแหน่ง คือ ต้องหยุดความเสียหาย
ยิ่งลักษณ์มีอำนาจตามกฎหมาย
ที่จะตรวจสอบ ติดตาม หรือสั่งหยุดโครงการได้
แต่กลับ ไม่ดำเนินการแม้จะมีข้อมูลว่าเกิดความเสียหาย
ปล่อยให้โครงการเดินหน้าท่ามกลางความเสี่ยงและความเสียหายที่ทวีขึ้นเรื่อย ๆ
⸻
3. ศาลชี้ว่าเป็น “ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง”
การนิ่งเฉยทั้งที่รู้ว่าเกิดปัญหา
ถือเป็น ความประมาทในหน้าที่ระดับสูงสุด
จึงเข้าข่ายความรับผิดทางละเมิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
มาตรา 8 และ 10
แม้จะไม่โกงเอง แต่ถ้าปล่อยให้เกิดความเสียหาย ก็ต้องชดใช้
⸻
4. ความเสียหายเกิดในสัญญา G to G มูลค่า 20,057 ล้านบาท
ศาลระบุว่า ยิ่งลักษณ์ควรรับผิดเพียง 50% ของยอดเสียหายนี้
เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดจากเธอคนเดียว
จึงคำนวณออกมาเป็นเงินที่เธอต้องชดใช้ = 10,028 ล้านบาท
⸻
สรุปง่าย ๆ:
“ถ้าไม่ลงมือโกง แต่รู้แล้วไม่หยุด = ละเลยหน้าที่ = ต้องจ่าย”
นี่คือบทเรียนทางกฎหมายสำหรับผู้นำทุกระดับว่า
อำนาจต้องมาคู่กับความรับผิด ไม่ใช่แค่สิทธิในการสั่งการ
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์
#ทนายรณรงค์ #คดีจำนำข้าว #ยิ่งลักษณ์ #ศาลปกครองสูงสุด #ละเลยหน้าที่ #ผู้นำต้องรับผิด