บุกจับแรงงานต่างด้าวกลางประตูน้ำ! รวบ 23 ราย พบ “ขาใหญ่” ต่างด้าวครองพื้นที่ค้าขาย
วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยทีมชุดเฉพาะกิจ “ไตรเทพพิทักษ์” กระทรวงแรงงาน ,ๆๆๆเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวศูนย์ปฎิบัติการข่าวกองทัพบก พร้อมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนายอานนท์ กลิ่นแก้ว หรือ “สิงห์ดำ” ประธาน ศูนย์ประสานงานประชาชนเพื่อความมั่นคงของชาติ (ศปปส.) ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านประตูน้ำ หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีแรงงานต่างด้าวลักลอบกลับมาค้าขายอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยถูกจับและส่งดำเนินคดีไปแล้ว
จากการสังเกตการณ์พบแรงงานต่างด้าวจำนวนมากกลับมาเปิดร้านค้าในจุดเดิม โดยบางร้านไม่มีคนไทยอยู่เลย ใช้แรงงานต่างด้าวทำหน้าที่ขายสินค้าและพูดภาษาอังกฤษกับลูกค้า อีกทั้งยังพบว่ามีพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยบางรายคอยแจ้งเตือนให้ชาวต่างด้าวหลบหนีเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ในการลงพื้นที่รอบแรก เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายได้ 15 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียที่ทำงานในร้านอาหารซึ่งเคยถูกจับกุมมาก่อน และเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบรอบที่สอง โดยเน้นตรวจร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายกัญชา และร้านสัก ซึ่งตรวจพบว่าเจ้าของร้านกัญชาเป็นชาวต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเป็น “ขาใหญ่” ในพื้นที่ และในร้านเดียวกันยังพบว่ามีร้านสักโดยช่างสักที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานถูกจับได้ขณะกำลังให้บริการ นอกจากนี้ยังพบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าภายในบริเวณดังกล่าว สำหรับการตรวจรอบที่สอง เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้กระทำผิดเพิ่มเติมและนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท รวมจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุมทั้งสองรอบเป็น 23 ราย
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับปัญหานี้อย่างจริงจัง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่สั่งกวดขันเป็นพิเศษ โดยจะตรวจสอบอย่างละเอียดถึงบทบาทของเจ้าของร้านชาวต่างด้าวที่ได้รับแจ้งว่าเป็นขาใหญ่ รวมถึงเอาผิดช่างสักที่ไม่มีใบอนุญาต และการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งผิดกฎหมาย
ส่วนกรณีแรงงานต่างด้าวที่กลับมาทำงานซ้ำหลังเคยถูกจับไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งยืนยันว่ากระทรวงแรงงานไม่มีอำนาจดำเนินคดีกับคนไทยที่เป็น “สาย” แจ้งเตือนต่างด้าว แต่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป ยืนยันกระทรวงแรงงานว่าจะเดินหน้าดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่ละเมิดกฎหมาย และขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมายอย่างยั่งยืน
ด้าน “สิงห์ดำ” ตัวแทนภาคประชาชนกล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อชี้เป้า แต่ระหว่างปฏิบัติภารกิจกลับมีสายที่ทำหน้าที่ล่อซื้อถูกล้อมจับโดยกลุ่มแรงงานต่างด้าว จึงต้องปรับแผนการทำงานใหม่ ยอมรับว่าการปฏิบัติการครั้งนี้เผชิญอุปสรรคจากความคุ้นหน้าคุ้นตาของตนในพื้นที่
ทั้งนี้ ตามกฎหมายแรงงานต่างด้าว หากพบว่าลักลอบทำงานในอาชีพสงวนของคนไทย จะมีโทษปรับ 5,000 - 50,000 บาท และผลักดันออกนอกประเทศ ขณะที่นายจ้างมีโทษปรับ 10,000 - 100,000 บาท ต่อลูกจ้างต่างด้าว 1 คน หากกระทำผิดซ้ำ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 50,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี