“ฉัตรวรรษ”นำทีมยื่นขอความเป็นธรรม “กกต.” สั่งชุดสอบสวนที่ 26 ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เหตุทำหน้าที่โดยไม่ชอบ โยนทิ้งสำนวน “ดีเอสไอ” ด้าน “นันทนา” รับยังล่าชื่อไม่ครบ ชง “สว.เสียงข้างมาก” หยุดทำหน้าที่ ส่วน “ศุภชัย”ซัด “ณฐพร-กุสุมาลวตี” ใส่ร้าย พูดเท็จ โยง “ภูมิใจไทย” เอี่ยวฮั้ว สว. ลั่นฟ้องกลับกราวรูด ส่วน “พิพัฒน์” ไม่ทน!ลั่นฟ้องแน่ หลังมีชื่อย่อ “พ.”  เอี่ยวฮั้ว สว. ยันรับไม่ได้พาดพิง “ภูมิใจไทย”  

เมื่อวันที่ 21 พ.ค.68 พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมด้วย นายอลงกต วรกี สว. และ พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว. เป็นตัวแทนสว.ที่ได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหากรณีฮั้วเลือก สว.เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางคณะที่ 26 ว่า เนื่องจากมองว่าคณะกรรมการสืบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ละเมิดระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างร้ายแรง สร้างความเสียหายและละเมิดสิทธิพื้นฐานของผู้ถูกกล่าวหาคุณต้องมาร้องขอความเป็นธรรม โดยเห็นว่า กกต. เป็นองค์กรอิสระปราศจากการครอบงำความทางการเมือง แต่มีข้อน่าสังเกตว่าคณะกรรมการชุดที่ 26 มีเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ 3 คนร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรมว.ยุติธรรม ที่อาจเข้าใจได้ว่าการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งให้รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอ จึงสามารถที่จะยืนยันได้ว่าการสืบสวนการได้มาของ ดีเอสไอ ตั้งแต่การตั้งเป็นคดีสืบสวนที่ 151 / 2567 การสืบสวนการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ตามพ.ร.บ. กรมสอบสวนคดีพิเศษ 2547 ไม่ได้ให้อำนาจไว้ ซึ่งตนได้ยื่นศาลได้ธรรมนูญและป.ป.ช. ตรวจสอบในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษ

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า จึงขอร้องเรียนประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1.ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนชุดที่ 26 เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ 2.ให้มีการเพิกถอนกระบวนการที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนข้อมูลและสำนวนการสอบสวนที่รับมาจากดีเอสไอ 3.ให้ผู้ถูกกล่าวหาให้มีโอกาสได้ตรวจสอบและเข้าถึงพยานหลักฐานทั้งหมดที่ใช้ตั้งข้อกล่าวหา เพื่อป้องกันสิทธิ์และผลประโยชน์ของตนเอง

“ขอให้กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ รอบด้าน เพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ในหลักการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เสมอภาค ความเป็นกลาง เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระของคณะกรรมการการเลือกตั้งเรายืนยันว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับกกต. แต่เรามีเหตุเคลือบแคลงสงสัยการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน แล้วมากล่าวหาทำให้เราไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจน แต่จะเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอออกหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของประธานกกต.”

ด้าน พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าวว่า ตอนนี้สังคมตราหน้าว่าพวกเราฮั้ว ก่อนจะย้อนถามว่าฮั้วคืออะไร พร้อมขอให้อย่าพูดคำนี้เพราะพวกเรามีศักดิ์ มีศรี ส่วนตัวรับราชการมาจนเกษียณได้รับคำกล่าวหานี้ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพราะกว่าที่จะผ่านการคัดเลือกในแต่ละรอบ กฎหมายระบุว่าสามารถแนะนำตัวได้เพื่อให้รู้จักกัน แล้วการรู้จักกันเยอะๆ เพื่อให้มีการเลือกกันเป็นความผิดด้วยหรือ

ผู้สื่อข่าวยังถามต่อถึงกรณี กุสุมาลวตี ศิริโกมุท เปิดเผยว่า มีการให้ สว.เซ็นใบลาออก พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ไม่รู้ พวกท่านรู้ดีว่ากำพืดของคนเคยเป็นสส.เป็นอย่างไร นักข่าวรู้ดี ตนเองเป็น สว.เป็นอาชีพสุจริต ช่วยเหลือประชาชนมาเยอะ ใครจะกล่าวหาอย่างไรก็ว่าไป แต่ถ้ามีเอ่ยชื่อตนเองค่อยว่ากัน

ที่รัฐสภา กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ นำโดย นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงความคืบหน้าในการเข้าชื่อ สว.เพื่อขอให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า ขณะนี้ประชาชนทั่วไปทราบว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นหายนะของประเทศ หากมีการปล่อยให้มีการแต่งตั้งองค์กรอิสระอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ เป็นเรื่องการขัดแย้งผลประโยชน์อย่างรุนแรง เพราะ สว.เสียงข้างมาก กำลังตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ว่าเข้าสู่ตำแหน่งโดยมิชอบ และได้ทำการตรวจสอบ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งหากปล่อยให้มีการแต่งตั้ง กกต.เข้าไปก็จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ต่างตอบแทน เช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้วินิจฉัย การกระทำนี้ จะไม่เท่ากับตั้งผู้พิพากษามาพิจารณาตัวเองหรือ

นางสาวนันทนา กล่าวต่อว่า รวมถึงหากในอนาคตมีการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ในขณะที่การตรวจสอบ สว.เสียงข้างมาก ยังไม่ชัดเจน ถ้ามีการดำเนินคดีไปถึงที่สุด หรือศาลมีคำพิพากษาให้ สว.ที่เป็นเสียงข้างมากนั้น มีความผิด จะทำให้ผลแห่งการลงมติของผู้ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ กลายเป็นมรดกบาป ที่ สว.ได้ทิ้งไว้ให้กับประเทศชาติหรือไม่ ซึ่งก็จะผลต่อสถานะขององค์กรอิสระเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากองค์กรอิสระเป็นองค์กรภายใต้กำกับพรรคการเมือง หรือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะบิดเบี้ยวไปอย่างไร จะเป็นองค์กรที่เป็นกลางเที่ยงธรรมหรือไม่

นางสาวนันทนา ระบุว่า แม้กระบวนการนี้ จะยากลำบาก แต่ขณะนี้สังคมได้รับรู้อย่างกว้างขวาง และรู้ว่ากระบวนการได้มาซึ่ง สว.ส่วนใหญ่มิชอบ แต่สังคมก็เอาใจช่วยในการผลักดันกระบวนการไม่ให้ สว. ได้ลงมติ ซึ่งในภาคส่วนอื่นๆ ก็ยังมีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้ร้องกับ กตต.ไปแล้ว มีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ จะยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ภายในวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.นี้ และนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ก็จะยื่นญัตติชะลอการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยการทำเป็นหนังสือ ซึ่งต้องรอการบรรจุระเบียบวาระ แม้ทุกมติของเรา จะไม่เคยผ่านเลย แต่ก็เป็นช่องทางที่เราจะต้องทำ ตลอดจนภาคประชาชน ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องติดตามต่อไป ว่ากระบวนการไหนจะสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายได้ก่อน 

ทั้งนี้ สาเหตุจริงๆ ของเรื่องมาจากการที่รัฐธรรมนูญปี 60 กำหนดให้การเลือก สว.เป็นการเลือกกันเองของกลุ่มอาชีพ และเกิดช่องโหว่ง ช่องว่าง จนกระทั่งมีการฮั้วกันเข้ามาแบบมโหฬารเช่นนี้ โดยการในส่วนนี้ ก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตรงนี้ และสิ่งที่เราต้องเริ่มคิดดำเนินการต่อไป คือการแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีปัญหา ทำให้เกิดวิปริตในการได้มาซึ่ง สว. 

เมื่อถามว่าสรุปตอนนี้รายชื่อ สว. มีไม่ถึง 20 คนใช่หรือไม่ นางสาวนันทนา กล่าว ยัง เพิ่งเริ่ม เราเพิ่งร่างคำร้อง เราใช้เวลาดำเนินการ รัฐธรรมนูญร่างมาแล้ว ไม่มีข้อกฎหมายตามทันเรื่องนี้ ถ้ามีการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พบว่ามีพฤติกรรมมันไม่ชอบจำนวนมาก กฎหมายตามไม่ทัน กลายเป็นว่าเราต้องพลิกตำรากฎหมาย จึงต้องใช้เวลา 

ดังนั้น วันนี้จึงเริ่มกระบวนการในการล่ารายชื่อ ซึ่งคือเป็นกระบวนการที่ตรงและเร็วที่สุด ซึ่งยอมรับว่า ไม่ใช่เส้นทางที่ราบรื่น เพราะหากรวบรวมรายชื่อได้ 20 คนแล้ว จะต้องยื่นต่อประธานวุฒิสภาซึ่งเป็นหนึ่งใน 55 คนที่ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปยื่นกับใคร เพราะในธรรมนูญระบุไว้ว่า ต้องไปยื่นกับประธานวุฒิสภา ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ต้องลุ้นกันตลอดทาง

นางสาวนันทนา กล่าวอีกว่า ประเด็นหลัก ๆ ที่ยื่นนั้น มีเรื่องมาตรา 82 การเข้าชื่อกันของสมาชิกแห่งสภานั้น ๆ จำนวน 1 ใน 10 เพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาว่าสมาชิกภาพของผู้ที่ถูกร้องนั้นสิ้นสุดลง หลังจากนั้นจะขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนข้อกล่าวหาที่จะให้สมาชิกสภาพสิ้นสุดลง ใช้มาตรา 113 และมาตรา 114 คือการตกอยู่ภายใต้อาณัติของพรรคการเมือง ของอำนาจกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดและข้อมูลก็ออกมาสู่สาธารณะชนอย่างกว้างขวางแล้ว
ส่วนจะเป็นการถอนรากถอนโคน ไม่ใช่แค่ชะลอไม่โหวตเลือกองค์กรอิสระใช่หรือไม่ นางสาวนันทนา ระบุว่า เราพยายามหาข้อกฎหมายมารองรับให้การร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ต้องถอดถอน แต่สุดท้ายแล้ว ไม่มีกฎหมายใดมารองรับ ซึ่งตนเองเรียกร้องให้ สว.ทั้งหมด ใช้จิตสำนึกหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง โดยไม่ต้องใช้กฎหมายมาบังคับ พร้อมยอมรับว่า กังวลว่าการดำเนินการนี้จะช้า จึงเร่งมาก ในเวลาที่เหลือ 9 วันนี้ 

ส่วนที่พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ยื่นเรื่องร้อง กตต. ให้ยุติการสอบสวนกรณีการฮั้ว สว. นั้น นางสาวนันทนา มองว่า ก็เป็นสิทธิดำเนินการปกป้องตัวเอง แต่โดยกระบวนการยุติธรรมสามารถทำได้หรือไม่ และสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจสอบตนเองได้หรือไม่ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป ส่วนมองว่าเป็นการแทรกแซงหรือไม่นั้น ก็เรทเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกผู้ที่ถูกกล่าวหาฟ้อง ซึ่งประชาชนก็จับตาดูว่าผู้ที่ถูกกล่าวหามีมีความผิด แต่กลับร้องเจ้าหน้าที่ อาจเป็นเพราะผู้ถูกร้องอาจมีสถานะที่ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป ก็ขึ้นอยู่ว่าจะมองอย่างไร

ส่วนจะเป็นการฟอกขาว กกต. และ สว. หรือไม่ นางสาวนันทนา ระบุว่า เราเรียกร้องมาตลอดว่า องค์กรอิสระต้องโปร่งใส จากรัฐบาล การเมือง และต้องมีการตรวจสอบอย่างที่ทำตรงไปตรงมา ดังนั้น จึงต้องช่วยกันจับตา ไม่ปล่อยให้มีการลงมติผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ โดย สว. ที่มีที่มาไม่ชัดเจน

นางสาวนันทนา ย้ำว่า ถ้ากระบวนการยุติธรรมเดินไปจนสุดทางแล้ว บริสุทธิ์ ยุติธรรมจริงๆ กลุ่ม สว.เสียงส่วนใหญ่นี้พ้นหน้าที่ไป ก็ยังมี สว.สำรอง ที่พร้อมจะเลื่อนรายชื่อขึ้นมา เป็นองค์ประชุมได้ 
เมื่อถามว่าจะไปถึงการล้มทั้งกระดานหรือไม่ นางสาวนันทนา ถามกลับว่า ด้วยเหตุผลอะไร ถ้าจะล้มทั้งกระดาน เพราะคนอื่นๆ ที่เข้ามาแบบปกติก็มี ที่ไม่ได้อยู่ในข้อกล่าวหาว่าฮั้วกัน แต่ถ้าถึงที่สุด จะต้องล้มกระดานกันด้วยเหตุผลว่า เกี่ยวพันกันไปกันมา ก็ยินดี แต่ขอให้แก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ สว.ก่อน หากยังไม่แก้ครั้งหน้าจะฮั้วแบบไม่มีหลักฐาน หรือร่องรอยทิ้งไว้เลย ก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม 

ด้านทนายอั๋น ระบุว่า เราทราบกันดีว่าจำนวน สว. สีน้ำเงินที่มีปัญหาอยู่ในกระบวนการมีเพียง 138 คนนั่นหมายความว่ามีมากกว่า สว. สายอิสระ แต่วันนี้จำนวน สว. เพียงแค่ 20 คน ที่จะทำการล่ารายชื่อดูเหมือนว่าโทรไปไม่รับสายบ้าง จึงตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่น้องประชาชน รวมถึงตนเองอยากเห็นซุปเปอร์ฮีโร่เกิดขึ้นในวุฒิสภา ท่ามกลางการศรัทธาความเชื่อมั่นขององค์กรวุฒิสภาเช่นนี้ เรื่องนี้พฤติการณ์ของกลุ่ม สว. ที่ได้มาโดยมิชอบ ไม่สุจริตเที่ยงธรรม จนกระทั่งนำไปสู่การถูกดำเนินคดี และถูกเรียกไปรายงานตัว เป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่ ตนเองหวังว่าเสียงสะท้อนของตนวันนี้จะไปถึง สว. กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าอิสระ หรือสายสีขาวทั้งหลาย ให้ร่วมกันมาลงชื่อร่วมกับนางสาวนันทนา เพราะคือทางที่ใกล้ที่สุด แค่ 20 คนไม่เกินไป 


ทนายอั๋น ระบุต่อว่า หากมองในแง่ร้ายที่สุดสมมุติไม่มีใครมาเข้าชื่อ กระบวนการไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญมันยากเย็นนักหรืออย่างไร ตนเองจึงจะไปยื่นที่ศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการล้มล้างการปกครอง แต่ก็ไม่หวังอยากไปจุดนั้น 


ทนายอั๋น กล่าวว่า  ตนเองอยากเห็น สว. แสดงความกล้าหาญ ส่วนใครที่กลัวว่า สว. สีน้ำเงินจะเอาคืนในเงื่อนไขในเรื่องของการตั้งกรรมการมาสอบเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมของใครก็แล้ว แต่ที่มาร่วมลงชื่อนั่นหมายถึงว่าพวกคุณกลัว ท่ามกลางสถานการณ์สังคมที่เลวร้าย หากพวกคุณไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง สว. ประชาชนดำ ๆ ที่สู้กับสภาพเศรษฐกิจสังคมที่มันทดถอย เขายังสู้ได้ พวกคุณมีต้นทุนเยอะแยะ และตนเองให้คำมั่นวันนี้ว่าหากใครถูก สว. สีน้ำเงินเอาคืน ตนเองและประชาชนพร้อมปกป้อง

ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร ทีมกฎหมายพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โดยเนื้อหาในคำร้องดังกล่าวมีการพาดพิงถึงพรรคภูมิใจไทยว่า ข้อความดังกล่าวมีลักษณะใส่ร้ายด้วยความเท็จต่อพรรคภูมิใจไทย ทั้งๆที่นายณฐพรรู้ดีว่าพรรคภูมิใจไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือบุคคลใดในพรรคไม่ได้มีพฤติการหรือกระทำการใดตามที่ได้บรรยายไว้ในคำร้องพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือก สว.มาตั้งแต่ต้น พรรคโดยหัวหน้าพรรคฯ ก็ได้ออกหนังสือลงวันที่30 เม.ย.2567 มาโดยชัดแจ้งว่า ห้ามมิให้ สส.หรือสมาชิกของพรรคยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการสรรหา สว. และทุกคนต่างก็ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ต่อมาเมื่อวุฒิสภาได้เกิดขึ้นแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาก็เป็นการดำเนินการตามหน้าที่อำนาจตามกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย หรือบุคคลใดไม่อาจจะเข้าไปแทรกแซงการทำหน้าที่ของวุฒิสภาดังกล่าวตามที่นายณฐพร ได้ใส่ร้ายด้วยความเท็จในคำร้อง

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า การกระทำของนายณฐพรดังกล่าว เป็นการกระทำโดยมีวาระซ่อนเร้น เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคภูมิใจไทย ทั้งๆที่รู้ดีว่าพรรคไม่ได้กระทำ ตลอดเวลาที่ผ่านมานายณฐพรได้มีพฤติกรรมที่แสดงออกมาว่าเป็นปฏิปักษ์กับพรรคภูมิใจไทยมาโดยตลอด การยื่นคำร้องนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ด้วยมือที่ไม่สะอาด มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายพรรคภูมิใจไทย อันเป็นสถาบันทางการเมืองเพื่อประโยชน์ทางการเมืองให้กับพรรคการเมืองอื่นหรือบุคคลใด กลุ่มใดได้ประโยชน์จากการทำลายล้างกระทำของนายณฐพรที่จงใจมุ่งร้ายทำลายพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้

เมื่อถามถึงกรณีการยื่นคำร้องของ น.ส.กุสุมาลวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง และอดีตสส.พรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อพิจารณาส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยกล่าวหาหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค รวมถึง สส. กระทำผิดรัฐธรรมนูญกรณีฮั้วเลือก สว. นายศุภชัย  กล่าวว่า เป็นการนำเอาข่าวสารที่ปรากฏในสื่อสารมวลชน ที่ไม่ได้ยืนยันว่าเท็จจริงเป็นประการใด มาร้อยเรียงความเท็จที่ตนเองเสกสรรปั้นแต่งขึ้น กล่าวหาใส่ร้ายหัวหน้าพรรคและพรรคภูมิใจไทย น.ส.กุสุมาลวตี เป็นบุคคลที่ไม่ได้รับการเลือกเป็น สว. จึงเข้ามาผสมโรงในสถานการณ์นี้ ทั้งที่รู้ดีว่าข้อเท็จตามคำร้องของตัวเองไม่ได้มีอยู่จริงตามที่กล่าวอ้าง ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยจะดำเนินคดี และดำเนินการทุกอย่างต่อบุคคลใดก็ตามที่ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และมุ่งร้ายทางการเมืองในครั้งนี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่อักษรย่อ พ. ออกมาและมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วเลือก สว. ว่า ตอนนี้ยังเป็นแค่ชื่อย่อขอให้มีชื่อจริงออกมาให้ชัดเจนก่อน และต้องรอจนกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการเชิญตนเข้าไปให้ข้อมูล ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีทั้งแถลงการณ์และหนังสือเชิญเข้าไปให้ข้อมูล ดังนั้นจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ขอรอให้ถึงเวลานั้นก่อน แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยตนเองรับไม่ได้ ที่มีการพาดพิงถึงพรรคภูมิใจไทยให้ได้รับความเสียหาย

ส่วนจะมีการไล่แจ้งความทุกจังหวัดหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของตนเองเป็นคนจังหวัดสงขลา ถ้าจะแจ้งความฟ้องร้อง ก็คงฟ้องที่จังหวัดสงขลา แต่ตอนนี้คงยังไม่ดำเนินการแจ้งความใด ๆ จนกว่าจะมีชื่อออกมาชัดเจน
เมื่อถามต่อว่า ยังคงยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้ว สว. ที่มีการตั้งข้อสังเกตใช่หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระแสข่าวการเลือกสว. ที่มีการพูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ ต้องไปดูข้อเท็จจริงในเรื่องข้อกฎหมายและข้อห้ามต่าง ๆ ที่บางคนไปให้ข้อมูลหรือข้อแนะนำคนเหล่านั้นอาจจะยังไม่เข้าใจวิธีการ การได้มาซึ่ง สว. 

ซึ่งก่อนหน้านี้นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่าตัวเองยังไม่เข้าใจวิธีการเลือก สว. ครั้งนี้ ว่าจะมีการเลือกอย่างไรในระดับอำเภอและจังหวัด รวมไปถึงยังมีการเลือกไขว้แต่ละสายอาชีพ ซึ่งกว่าจะได้มาทั้ง 77 จังหวัด ต้องมีการแนะนำตัวเป็นเรื่องปกติ เพราะจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครมีความรู้ในด้านไหน การกระทำทั้งหมดเหล่านี้ อย่าเพิ่งไปตัดสิน ว่ามีเจตนาที่ไม่ดี ที่คนเหล่านี้จะมาแนะนำตัวมาสร้างความรู้ความเข้าใจ

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ในกรณีนี้มีการกล่าวอ้างถึงเรื่องเส้นเงิน ที่อาจเชื่อมโยงไปถึงพรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ ย้ำว่า เรื่องเส้นเงินมีหลักฐานหรือไม่ คำว่าเส้นเงินที่ผ่านมามีการพูดถึงตลอด แต่ทางพรรคภูมิใจไทยก็ยังไม่เห็นข้อเท็จจริง จะมาตัดสินได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย ในเมื่อพรรคการเมืองไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกสว. ได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดและข้อห้ามที่ชัดเจน การเลือกสว. เป็นเอกเทศ ดังนั้นการพูดว่าพรรคภูมิใจไทยอยู่เบื้องหลังการเลือก สว. หรือ สว.สีน้ำเงิน เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมาและบังเอิญว่าสีน้ำเงินดันไปสอดคล้องกับพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามว่า คอการเมืองวิเคราะห์ว่าเป็นนิติสงครามระหว่างสีแดงและสีน้ำเงินนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า พรรคการเมืองไม่มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตรงนั้น แล้วไม่เคยทราบมาก่อนว่าพรรคสีแดงจะมาทำลายพรรคสีน้ำเงิน เรายังอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน การอยู่กันได้ต้องพูดคุยกัน และจะฟังจากบุคคลภายนอกไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าบุคคลภายนอกมีเจตนาอย่างไร อาจจะมีการเสี้ยมและยุยงรัฐบาลแตกกัน