ในสมรภูมิการเมืองระดับชาติ พรรคประชาชนอาจยังมีที่ยืน แต่เมื่อพูดถึงสนามเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็น อบจ., เทศบาล, อบต. หรือแม้แต่ระดับเขต ผลลัพธ์กลับไม่เคยเป็นที่น่าพอใจ พรรคประชาชนแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เกิดคำถามจากนักวิชาการและประชาชนทั่วไปว่า “อะไรคือปัจจัยเบื้องหลังความพ่ายแพ้เรื้อรังของพรรคนี้ในสนามท้องถิ่น?”
สถิติที่พูดแทนทุกอย่าง: แพ้ซ้ำซากคือเรื่องจริง
หากพิจารณาผลการเลือกตั้งท้องถิ่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาชนแทบไม่สามารถครองตำแหน่งผู้บริหารหรือสภาท้องถิ่นได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งมักตกเป็นของพรรคคู่แข่งหรือกลุ่มการเมืองท้องถิ่นที่มีเครือข่ายแน่นหนา
ตัวเลขจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้ชัดว่า พรรคประชาชนมีอัตราการส่งผู้สมัครในระดับท้องถิ่นต่ำ และแม้จะส่งแล้ว ผลลัพธ์ก็มักตามมาด้วยความพ่ายแพ้
ยุทธศาสตร์พรรค: ส่วนกลางแข็งแรง ท้องถิ่นอ่อนแอ
หนึ่งในข้อวิจารณ์สำคัญคือ พรรคประชาชนเน้นเกมการเมืองระดับชาติเป็นหลัก โดยละเลยการลงทุนด้านยุทธศาสตร์และกำลังคนในระดับท้องถิ่น ส่งผลให้ขาด “ฐานเสียงถาวร” ที่จะคอยสนับสนุนในทุกสนามเลือกตั้ง
การไม่มีเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่นที่ภักดี ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายหรือสร้างความผูกพันกับประชาชนระดับรากหญ้าได้อย่างจริงจัง ต่างจากพรรคอื่นที่ลงทุนในการปลูกฝังเครือข่ายยาวนาน
พรรคประชาชนมักถูกมองว่าเป็น “พรรคเมือง” หรือ “พรรคชนชั้นกลาง” ซึ่งมีแนวคิดแบบเทคโนแครต ขาดความเข้าใจวิถีชีวิตของคนชนบท ภาพลักษณ์นี้ส่งผลรุนแรงในพื้นที่ที่ประชาชนให้ความสำคัญกับความใกล้ชิดและความจริงใจมากกว่าท่าทีทางวิชาการหรือความรู้เชิงนโยบาย
ในหลายพื้นที่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเชื่อในพลังของตัวบุคคลมากกว่าพรรค การที่พรรคประชาชนขาด “นักการเมืองท้องถิ่นหน้าเก่า-คนรู้จัก” จึงกลายเป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งใช้โจมตีได้เสมอ
นโยบายที่ “ดีแต่ไกล”
แม้นโยบายของพรรคประชาชนในภาพรวมจะดูดี มีความคิดก้าวหน้า และมีความตั้งใจแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การปฏิรูประบบราชการหรือพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ประชาชนท้องถิ่นต้องการเช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา ราคายางพารา และการสนับสนุนเกษตรกร นโยบายของพรรคกลับดู “ไกลตัว” และจับต้องไม่ได้
ปัญหานี้สะท้อนว่าพรรคยังไม่สามารถสื่อสารหรือออกแบบนโยบายที่เข้าถึงคนระดับชุมชนได้อย่างแท้จริง
การเมืองท้องถิ่นเป็นเกมของ "ทุนมนุษย์" ที่อาศัยความไว้วางใจ ความสัมพันธ์ และการมีตัวแทนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง พรรคประชาชนกลับไม่มีการวางยุทธศาสตร์ระยะยาวในการปั้นคนท้องถิ่นขึ้นมาเป็นแกนหลักของพรรค
ผลคือในหลายพื้นที่ พรรคไม่มีผู้สมัครที่มีโปรไฟล์แข็งแกร่งหรือเป็นที่รู้จัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีสายสัมพันธ์กับชาวบ้านตั้งแต่ระดับอบต. ไปจนถึงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน
พรรคประชาชนมักใช้การสื่อสารผ่านสื่อหลักหรือออนไลน์ ซึ่งอาจได้ผลในเขตเมืองหรือกับคนรุ่นใหม่ แต่ในพื้นที่ชนบท ช่องทางเหล่านี้ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ได้ดีเท่ากับการลงพื้นที่ พูดคุย และทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน
ขณะที่พรรคคู่แข่งสามารถใช้กลไกท้องถิ่น เช่น วัด โรงเรียน ตลาด หรือกิจกรรมประเพณีท้องถิ่น เป็นพื้นที่สร้างความสัมพันธ์ พรรคประชาชนยังขาดกลยุทธ์เชิงพื้นที่ที่แท้จริง
อีกหนึ่งความท้าทายของพรรคประชาชนคือการต้องเผชิญกับ “กลุ่มการเมืองท้องถิ่นที่เข้มแข็ง” ซึ่งไม่ได้สังกัดพรรคใหญ่ใดๆ แต่มีฐานเสียงแน่นในพื้นที่ ไม่ว่าจะด้วยความใกล้ชิด ความไว้ใจ หรือการทำงานในพื้นที่อย่างยาวนาน
การที่พรรคไม่สามารถแย่งชิงใจประชาชนจากกลุ่มการเมืองเหล่านี้ได้ แสดงถึงความล้มเหลวในการสร้าง “ตัวแทนที่แท้จริง” ของท้องถิ่นภายใต้ธงของพรรค
พรรคประชาชนต้องเปลี่ยนแปลงจากรากฐาน
การเมืองท้องถิ่นไม่ใช่เพียงเวทีรอง แต่เป็นพื้นฐานของความไว้วางใจระยะยาวที่สามารถต่อยอดสู่ชัยชนะในระดับชาติได้ หากพรรคประชาชนยังคงมองข้ามสนามท้องถิ่น และไม่ยอมปรับกลยุทธ์ตามความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ โอกาสที่จะพ่ายแพ้ซ้ำซากก็จะยังคงเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันจบ
ในวันที่ประชาชนต้องการนักการเมืองที่ “เข้าใจและอยู่ใกล้” มากกว่า “เก่งแต่ไกล” พรรคประชาชนจำเป็นต้องตัดสินใจว่าต้องการเป็นพรรคแห่งอนาคต หรือเพียงแค่เฝ้ามองอนาคตจากข้างสนาม
แม้สถานการณ์จะดูเสียเปรียบ แต่พรรคประชาชนยังสามารถกลับมาได้ หากมีการปรับทิศทางดังนี้:
ลงทุนระยะยาวในการปั้นผู้นำท้องถิ่น: สร้างโครงการอบรม ส่งเสริมนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอุดมการณ์เดียวกับพรรค
ปรับนโยบายให้จับต้องได้: ออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของชาวบ้านมากขึ้น
สื่อสารผ่านภาคสนาม: ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สร้างความสัมพันธ์ในเชิงวัฒนธรรม ชุมชน และศรัทธา
ร่วมมือกับกลุ่มภาคประชาชนและเยาวชน: เพื่อเปิดประตูใหม่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีคู่แข่งเข้าถึง
#พรรคประชาชน #การเมืองท้องถิ่น #เลือกตั้งอบจ #การเมืองไทย #นักการเมืองท้องถิ่น #ฐานเสียงประชาชน #นโยบายที่ไม่ถึงประชาชน #วิเคราะห์การเมือง #เลือกตั้ง2568 #การเมืองจากรากหญ้า