วันที่ 20 พ.ค.68 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดบึงกาฬ ในศูนย์ราชการ จังหวัดบึงกาฬ นายวิทยา เสนจันทร์ฒิไชย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ หมายเลข 4 ซึ่งนับคะแนนเมื่อวันที่ 11 พ.ค.68 มาเป็นที่ 2 ส่วนนายธนาพงศ์ แสนสุภา ผู้สมัครนายกเทศบาลเมืองบึงกาฬ เบอร์ 1 และได้คะแนนเป็นที่ 1 พร้อมด้วยทนายความ นายวีระชัย แสงใบ เดินทางไปยื่นหนังสือร้อง กกต.เรื่องผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยมีภาพปรากฏในสื่อโซเชียลเพจเฟสบุ๊คผู้ช่วยหาเสียงเป็นคนที่มิใช่สัญชาติไทย ของผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบึงกาฬ หมายเลข 1 ซึ่งเป็นภรรยาของทีมบริหารตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี คนที่ 1 ตามบทบัญญัติที่เป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 68 ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิได้มีสัญชาติไทย เข้ามีส่วนช่วยเหลือในการเลือกตั้ง หรือกระทำการใดๆ เพื่อประโยชน์แก่การเลือกตั้งโดยประการที่อาจเป็นคุณหรือเป็นโทษ แก่ผู้สมัครข้อยกเว้น เป็นการช่วยราชการตามที่ทางราชการร้องขอหรือ ประกอบอาชีพตามปกติโดยสุจริตของผู้นั้น
นายวิทยา เสนจันทร์ฒิไชย กล่าวว่า ผมได้ติดตามผู้ช่วยหาเสียงปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลที่มิใช่สัญชาติไทย มาช่วยหาเสียงซึ่งเป็นการผิดระเบียบของ กกต. ผมเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมก็เลยมายื่นหนังสือร้องต่อ กกต.ประจำจังหวัดบึงกาฬ เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า “ผู้ช่วยหาเสียง” ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เป็น “ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น” ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 หมวด 3 ผู้ช่วยหาเสียง ข้อ 15 ว่าให้ผู้สมัครแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ช่วยหาเสียงหรือไม่ และ กรณีมีความปรากฏทั่วไปว่ามีผู้ช่วยหาเสียงหรือผู้ใด กระทำการฝ่าฝืนไปแล้ว กกต. จะต้องรีบดำเนินการกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อย่างไร หรือไม่ จึงขอเรียกร้องคัดค้านในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้