ชาวชุมพรยืนหยัดทวงคืนผืนป่าปลูกปาล์มกว่า 2 หมื่นไร่ หลังหมดสัมปทานนาน 10 ปี แต่รัฐยังเกียร์ว่างปล่อยนายทุนกอบโกยผลผลิตนับพันล้าน โฆษกเผยคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภา เผย เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันที่ 20 พ.ค.68 จากกรณีที่มีชาวบ้านนับพันคน มารวมตัวกันที่ศาลาอเนกประสงค์หมู่บ้าน หมู่ที่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นานกว่า 1 เดือนแล้ว เพื่อใช้เป็นศูนย์รวมทำกิจกรรมเรียกร้องถึงหน่วยงานรัฐและรัฐบาล จากปัญหาสวนปาล์มหมดสัมปทานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ถูกดองมานานนับ 10 ปี จำนวน 2 แปลง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ เนื้อที่ 7,109 ไร่ 2 งาน 39 ตารางวา และในท้องที่ตำบลรับร่อ เนื้อที่ 16,256 ไร่ 2 งาน 34 ตารางวา รวมกว่า 23,000 ไร่ นั้น
โดยขณะนี้ที่ศาลาอเนกประสงค์ดังกล่าว ยังคงมีตัวแทนและชาวบ้าน สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาเข้าเวรยามกันตลอด 24 ชั่วโมง วันละประมาณ 20-40 คน เพื่อมาเฝ้าถนนทางเข้าออกตรวจสอบและแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐ หากมีพวก "แก๊งพุงกาง" ลักลอบขนปาล์มออกจากพื้นที่หมดสัมปทาน ซึ่งทำกันเป็นขบวนการใหญ่ ร่วมมือกันระหว่าง นายทุนจากโรงงานใหญ่ นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล กลุ่มบุคคล และเจ้าหน้าที่รัฐบางคนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเข้าไปลักลอบตัดปาล์มออกมาขายวันละ 100-500 ตัน รวมมูลค่าเดือนละมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งได้กระทำกันมานานนับ 10 ปีแล้ว กอบโกยกันแล้วมากกว่าพันล้านบาท
ขณะที่หน่วยงานภาครัฐเกียร์ว่างปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อมานาน จนชาวบ้านสุดทนต้องตั้งกลุ่มจัดตั้งเวรยามคอยตรวจสอบไม่ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าไปลักลอบเก็บปาล์มขาย และเรียกร้องให้รัฐนำที่ดินหมดสัมปทานมาบริหารจัดการและจัดสรรให้กับราษฎรไร้ที่ทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องแล้วนั้น
นายเศรณี อนิลบล สว.กลุ่ม 6 ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา เปิดเผยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่สวนปาล์มหมดสัมปทานเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ ป่าสลุย กว่า 2 หมื่นไร่ ทางกรรมาธิการฯ ได้รับการร้องเรียน และได้เชิญ นายกฤษณ์ แก้วรักษ์ ตัวแทนเครื่อข่ายเกษตรกรจังหวัดชุมพร เข้ามาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก ว่ากรณีดังกล่าวหมดสัญญาสัมปทานมานาน 10 ปี แต่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย และยังมีการเก็บเกี่ยวผลประโยนช์กันมาต่อเนื่อง ทั้งๆที่ยังไม่มีการต่อสัญญาใหม่แต่อย่างใด
นายเศรณี กล่าวว่า ซึ่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ทางคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา ได้ส่งเรื่องต่อให้ทางคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา นำเข้าที่ประชุมเพื่อดำเนินการต่อ โดยมีเงื่อนระยะเวลาภายใน 30 วัน หลังจากนั้น ทางพลตำรวจโท ยุทธนา ไทยภักดี ประธานคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดินและคณะฯ จะลงพื้นที่ จ.ชุมพร สอบหาข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ของหน่วยงานรัฐ และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ในจังหวัดและในภูมิภาค เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ด้าน นายกฤษณ์ แก้วรักษ์ ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ตนได้ไปให้ข้อมูลต่อ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา โดยนำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดที่ตนมีเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ไปมอบให้ แต่ปัญหาดูเหมือนว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมป่าไม้ไม่มีความจริงใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมประชุมไม่สามารถพูดหรือตอบคำถามและให้ข้อมูลใดๆได้เลย จึงทำให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ จึงฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
"ปัญหาสวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทานในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผ่านไป 10 ปี และที่ผ่านมาตนก็ออกมาเรียกร้องทวงคืนผืนป่ากว่า 2 หมื่นไร่ ให้กลับคืนมาให้ชาวชุมพรมาโดยตลอด แต่หน่วยงานรัฐปล่อยปละละเลย ไม่มีการดำเนินการทางกฎหมาย แต่ยังปล่อยให้นายทุนเข้าเก็บผลผลิตกันทุกวัน ทั้งๆที่ไม่สามารถกระทำได้" ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรจังหวัดชุมพร