วันที่ 20 พ.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ กรณีสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 ในวันที่ 28 พ.ค. จำเป็นต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหรือไม่ว่า เรื่องดังกล่าวได้พูดคุยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรตื่นเต้น ทุกอย่างเห็นพ้องต้องกัน เห็นด้วยทุกพรรค
โดยจังหวะดังกล่าว น.ส.แพทองธาร หันไปทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยนายอนุทิน ตอบว่า “ครับ เห็นพ้องต้องกัน สนับสนุนท่านนายกฯทุกพรรค”
ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจมีบางอย่างที่ต้องปรับหรือเปลี่ยนธงในเรื่องของนโยบาย ได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นกลไกของสภาฯ แต่เรื่องงบประมาณเราตกลงกันแล้ว หลักการเคาะตั้งแต่แรก ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมจะมีเรื่องเอ็นเตอร์คอมเม้นต์คอมเพล็กซ์ จะพูดคุยกับพรรคร่วมด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราคุยเรื่องงบประมาณไปก่อน และก่อนเปิดสมัยประชุม จะคุยกันในเรื่องนี้ เมื่อคุยแล้ว เดี๋ยวจะแจ้งสื่อให้ทราบ
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ ที่ล่าสุดมีนักธุรกิจรายใหญ่ 2 บริษัทเข้ามาพูดคุยกับประเทศไทยสะท้อนว่ามั่นใจโครงการนี้ของรัฐบาลใช่หรือไม่ ถือเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ความจริงเป็นเรื่องที่เขามาแสดงความสนใจว่าประเทศไทยไม่ได้ไกลจากประเทศญี่ปุ่นมาก เป็นทวีปเอเชียเหมือนกัน และเห็นว่าประเทศญี่ปุ่นเริ่มแล้วมีแพลนชัดเจนแล้วว่าจะใช้พื้นที่จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่เมืองโอซาก้า ทำเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ที่จะเสร็จใน 5 ปี เขาเห็นเราผลักดันเรื่องนี้เห็นเป็นโอกาสจึงอยากจะเข้ามาเพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อ
เมื่อถามถึง กรณีที่มีพรรคร่วมรัฐบาลดูด สส. เข้ามาเติมเสียง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกฯเคยบอกว่าไม่อยากได้เสียงงูเห่า น.ส.แพทองธาร ย้อนถามว่า “แล้วเขาซื้อไหมคะ”
สื่อจึงตอบไปว่า ไม่ได้ซื้อมาด้วยความสมัคใจ น.ส.แพทองธาร จึงกล่าวว่า เขามาด้วยความสมัครใจ ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคจัดการต้องถามหัวหน้าของแต่ละพรรคว่าจัดการแบบไหนอยากได้ใครเข้ามาเพิ่ม ความจริงแล้วเส้นทางการเมืองที่ตนพบเจอมามันเป็นความเชื่อความเข้าใจของแต่ละคนว่า ณ เวลานั้นรู้สึกว่าสังกัดพรรคไหนแล้วเป็นตัวเองตอบโจทย์ก็เหมือนเราสมัครงาน สมมติว่าเราทำงานที่ไหนแล้วองค์กรนี้ใช่เราหรือไม่ อันนี้พูดถึงภาพรวม ตนก็ห้ามไม่ได้ว่าใครอยากย้ายไปองค์กรไหนก็เหมือนสื่อที่ย้ายสังกัดได้เช่นกัน มันเป็นวงการของเรา วงการการเมือง และความจริงหากอยู่พรรคอื่นแล้วจะกลับมาพรรคเดิมหรือจากพรรคเดิมไปพรรคอื่นเป็นเรื่องส่วนบุคคลและเป็นเรื่องของพรรคนั้นๆว่าจะรับหรือไม่