พ่อดีเจเตเต้พาทีมงานทนายรณรงค์ เข้าแจ้งความแก๊งอุ้มฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ

  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการพยายามออกติดตามหาตัว นายวราพงษ์ หรือ ดีเจเตเต้ ที่ถูกอุ้มหายตัวไปตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ซึ่งหลังจากการพยายามติดตาค้นมหาตัวอยู่นานหลายวัน ในที่สุดก็พบศพของนายวราพงค์ หรือ ดีเจเตเต้ ถูกยิงที่ศีรษะ  2 นัดจนเสียชีวิตแล้วอำพรางซ่อนเร้นศพไว้ในป่าลึก พื้นที่บ้านทุ่งนานางหรอก หมู่ 3 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรีนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 18 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ทนายรณรงค์ แก้วเพชร พร้อมด้วยทีมงาน และนายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อแจ้งความเอาผิดกับแก๊งอุ้ม ดีเจเตเต้ ในความผิดฐาน ข้อหาหนัก คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้นศพ โดยเมื่อเดินทางมาถึง นายวิเชียร ได้มอบกระเช้าผลไม้ให้กับตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมือ,งกาญจนบุรี เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ได้ช่วยออกติดตามหาตัวของดีเจเตเต้ มาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งสุดท้ายเจอกลายเป็นศพแล้ว ดีเจเตเต้ ไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาพบครอบครัวได้ก็ตาม หลังจากนี้ เมื่อทำการชันสูตรศพเสร็จเรียบร้อย ก็จะนำร่างของดีเจเตเต้กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดหนองกระทุ่ม และรอเวลาส่งน้องขึ้นสู่สวรรค์

 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกนำมาสอบปากคำ 2 คนแรก ตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าสู่ห้องควบคุมตัวสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ น่าจะมีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่าดีเจเตเต้เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 ราย

ซึ่งหลังจากได้พบศพบริเวณเชิงเขาในไร่อ้อย บ้านทุ่งนานางหรอก ที่ผ่านมา ดีเจเตเต้  คดีจากเดิมในช่วงค้นหาคดีตัว ดีเจเตเต้ เมื่อพบกลายเป็นศพคดีก็ต้องเปลี่ยนไปกลายเป็นคดีฆาตกรรม ส่วนผู้กล่าวหาผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป และเป็นการกระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่ หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่ และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตรตรองไว้ก่อน, ร่วมกันลอบฝัง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการนำพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลงทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสมควรแก่พฤติการณ์ และ ซ่องโจร”

     .