วันที่ 16 พ.ค.2568 เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ให้เข้าชื่อส่งหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญพฤติการณ์ของสว. โดยนายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นคนร้องเรื่องการฮั้วสว.มาโดยตลอด เห็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตในลักษณะกลุ่มก้อน จนนำไปสู่การออกหมายเรียกสว.55 คน และเร็วๆนี้จะมีการออกเพิ่มสว.กลุ่มที่ตกค้าง และมีสว.ส่วนหนึ่งกลับใจมาให้การที่เป็นประโยชน์ ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวนคดียังไม่ถึงที่สุด แต่ข้อเท็จจริงปรากฎชัดเจนว่ากลุ่มสว.ที่ถูกหมายเรียกไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง พฤติการณ์เหล่านี้ส่อให้เห็นถึงการฝักใฝ่พรรคการเมือง ทำวุฒิสภาตกต่ำ จึงได้มายื่นหนังสือให้ น.ส.นันทนา ให้ปฏิบัติตามมาตรา82 ของรัฐธรรมนูญ คือขอให้รวบรวมรายชื่อสว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10หรือไม่น้อยกว่า20 คน ให้ประธานวุฒิสภา ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าพฤติการณ์ของสว.ที่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องห้ามตามมาตรา113 และ ทำให้สมาชิกภาพของสว.สิ้นสุดลงหรือไม่ ซึ่งตนอยากทราบว่าใครจะลงชื่อบ้างและหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้สว.กลุ่มนี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน แต่ตนมีสายลับแจ้งว่าได้รับการสนับสนุนเกิน 20 คน แน่นอน

ด้านน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.  กล่าวว่า ถือเป็นกติกาที่วิปริตที่ส่งผลให้มีการฮั้วกันเข้ามา และสังคมได้รับทราบแล้วว่าการได้มา ซึ่สว.ชุดนี้ ไม่ได้มาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งเป็นข้อเคลือบแคลนและสงสัยมาโดยตลอด ตอนนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้คลี่คลายปัญหานี้โดยแจ้งข้อกล่าวหากับสว. 55 คน และมีแนวโน้มว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาไปถึงกลุ่มผู้บงการ และสว.คนอื่นอีก ภาพลักษณ์สว.ขณะนี้จึงตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ประชาชนไม่เชื่อถือในการทำหน้าที่ เพราะที่มาไม่ชัดเจนเป็นที่กังขอและสงสัย ดังนั้น ตนในฐานะสว. ได้เคยประกาศในที่ประชุมวุฒิสภาว่าตนพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในการลงมติในการเห็นชอบแต่งตั้งองค์กรอิสระ เพราะประชาชนตั้งข้อสงสัยว่าการที่สว.มีที่มาไม่ถูกต้อง แต่ทำหน้าที่ลงมติเห็นชอบผู้มาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ ย่อมเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน เพราะมีผลประโยชน์อย่างชัดเจน และเมื่อทันทีที่สว.ลงมติเห็นชอบ ผู้ดำรงตำแหน่งแล้วคนเหล่านั้นกลับมาตรวจสอบสว.เอง แล้วจะชอบธรรม ถูกต้อง โปร่งใส อย่างไร ถือเป็นการตอบแทนระหว่างผู้ลงมติกับผู้ดำรงตำแหน่ง จึงไม่สง่างามและไม่ควรจะเกิดขึ้น

น.ส.นันทนา กล่าวว่า ตนเรียกร้องมาตั้งแต่ต้นให้สว.หยุดเห็นชอบในการแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระใดๆทั้งสิ้น แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครยอมทำพราะห่วงอำนาจ เพราะคิดว่าเป็นอำนาจสำคัญที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ในฐานะต่างตอบแทน จนวันนี้ประชาชนคงเห็นแล้วว่าหากปล่อยให้สว.ทั้งคณะนี้ทำหน้าที่ต่อไป ประเทศชาติป่นปี้พินาศแน่ ดังนั้น ตนจะนำเรื่องนี้ไปขอให้สว.ที่เป็นเสียงข้างน้อย และมีความเป็นอิสระไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้วเข้ามา รวมถึงสว.อิสระที่มีใจรักความถูกต้อง ให้มาลงชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82  คือจำนวน 20 คน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและรักษาภาพลักษณ์เกียรติภูมิของวุฒิสภาว่าเราไม่ยินดีที่จะทำหน้าที่ในขณะที่ที่มาของสว.ส่วนใหญ่มัว เทา และไม่โปร่งใส และจะชักชวนสว.ที่มีจิตใจประชาธิปไตยและเชื่อมั่นในประชาชน ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบจนกว่าจะสิ้นสงสัย

“สัปดาห์หน้าจะนำรายชื่อสมาชิกวุฒิสภาถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้นำเรื่องส่งไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะได้เห็นกันว่าท่านจะทำหรือไม่ และจะได้เห็นถึงจิตวิญญาณของคนที่อาสามาทำงานตรงนี้ว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน หรือประเทศชาติ และวันนี้วิปวุฒิสภากำลังมีการประชุมเพื่อบรรจุวาระให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผู้ดำรงตำแหน่งในศาลรัฐธรรมนูญ 2 ตำแหน่ง และ กกต. 1 ตำแหน่ง หากบรรจุตรงนี้ไปแปลว่ากระบวนการนั้น ยังเดินต่อไป ซึ่งหมายความว่าเมื่อกรรมาธิการหน้าเดิมๆ ที่ดิฉันไม่เคยได้รับเลือกให้เข้าไปอยู่ในชุดนี้ แต่เป็นเฉพาะกรรมาธิการที่เป็นกลุ่มเสียงข้างมาก เมื่อเปิดประชุมสภาก็จะมีการลงมติขอถามว่าสง่างามหรือชอบธรรมหรือไม่”น.ส.นันนทนา กล่าว