วันที่ 15 พ.ค.ที่ บช.ทท.พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. เปิดเผยว่าตามนโยบายของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดย
พล.ต.ท. ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ. ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวให้หน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นระดมกวาคล้างอาชญากรรมกระทำความผิดในคดี 10 กลุ่มต้องห้าม อาทิเช่น การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ทัวร์ด้อยคุณภาพ ไกด์ผิดกฎหมาย การหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว อาชญากรรมข้ามชาติ ต่างด้าวทำผิดกฎหมาย และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ทท.2 ว่าที่ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ เอนสาร ผกก.1 บก.ทท.2 พ.ต.ท.วัชรธร ธีรเมทถิรชญาภา สว.กก.1 บก.ทท.2. สั่งการให้ ร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ดวงบารมี รอง สว.กก.1 บก.ทท.2 , ด.ต.ณนกร ปัญณภัรวรกร , ด.ต.ณัฐพงษ์ นับถือสุข , ด.ต.เถลิงศักดิ์ ใจทับทิม , ด.ต.สวัสดิ์ มาตรา ผบ.หมู่ กก.1 บก.ทท.2
งานสืบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 สืบสวนหาข่าวบุคคลตามหมายจับในพื้นที่รับผิดชอบ จนทราบว่า มี นายนพพล ไชยพล และ น.ส.วารีรัตน์ พรมลือชัย คู่สามีภรรยา ตระเวนร่วมกันลักแบตเตอรี่ของเสาส่งสัญญาณวิทยุคมนาคมดิจิตอลในพื้นที่ จว.ชัยภูมิ และ จว.นครราชสีมา รวมกว่า 10 ครั้ง ความเสียหายประมาณ 5 แสนบาท และเมื่อวันที่ 1 พ.ย.67 นายนพพลฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เนินสง่า ภ.จว.ชัยภูมิ จับกุมดำเนินคดีในฐานความผิด ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ และเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ และครอบครองยาบ้า ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และศาลจังหวัดชัยภูมิ พิพากษา จำคุก 4 ปี 10 เดือน ปัจจุบันอยู่ระหว่างประกันตัวเพื่ออุทธรณ์คดี
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ค.68 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า นายนพพล ไชยพล และ น.ส.วารีรัตน์ พรมลือชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ 23/2568 ลงวันที่ 11 ก.พ.68 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันลักทรัพย์ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือโดยผ่านสิ่ง เช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อประโยชน์ โดย่ใช้ยานพาหนะ สะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือร่วมกันรับของโจร” หลบหนีมาอยู่ที่บ้านเลขที่ 153/1 หมู่ที่ 1 ตำบลนาเกษม อำเภอทุ่งศรีอุดม จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ เมื่อไปถึงบ้านดังกล่าว พบนายนพพล ไชยพล และ น.ส.วารีรัตน์ พรมลือชัย อยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่นายนพพล. ได้วิ่งหลบหนีเข้าป่ายางพารา และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงหมายจับและทำการจับกุมตัว น.ส.วารีรัตน์ พรมลือชัย อีกทั้งยังเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดแขวงขอนแก่น โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ยักยอก” คดีหมายเลขดำที่ อ1074/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อ1857/2563 ที่ 108/2565 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 และนำตัวผู้ถูกจับส่ง พนักงานสอบสวน สภ.คง ภ.จว.นครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม น.ส.วารีรัตน์ ให้การว่าช่วงประมาณ ปี 2564 นายนพพล. กับ น.ส.วารีรัตน์ฯ เป็นช่างรับเหมางานซ่อมบำรุงสถานีเสาส่งสัญญาณวิทยุคมนาคมดิจิตอลให้แก่บริษัท สามารถดิจิตอล จำกัด ในเขตพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.นครราชสีมา ในแต่ละสถานีเสาส่งสัญญาณจะมีแบตเตอรี่สำรองไฟเก็บไว้อยู่ และสืบเนื่องมาจากช่วงโควิดตกงานขาดรายได้จึงร่วมกันกับสามีลักแบตเตอรี่และงัดเอาทองแดงไปขายตามร้านขายของเก่าได้ลูกละประมาณ 1,200-1,500 บาท แต่มูลค่าแบตเตอรี่ราคาลูกละ 10,750 – 12,450 บาท